ใครว่าล่ะ
ว่าคนรักกันต้องตัวติดกันตลอดเวลา เพราะเรามีข้อมูลดี ๆ จาก เว็บไซต์ allwomenstalk มาบอกกันว่า การให้ช่องว่าง อิสระ รวมทั้งมีระยะห่างซึ่งกันและกันน่ะทำให้ความรักของคุณแฮปปี้กว่าเป็นไหน
ๆ อ๊ะ ๆ ใครที่ทำตัวติดคนรักอย่างกับแม่เหล็กหรือโทรจิกยิ่งกว่าแม่ไก่ก็ลองมาดูข้อ
ดีของการอิสระกับความรักกัน
1. ความสัมพันธ์สดใหม่เสมอ
ก็แน่นอนล่ะสิ เพราะระยะห่างทำให้คุณมีเวลาได้คิดถึงกัน ไม่ว่าจะเจอกันหลังเลิกงานในวันที่พร้อม (ไม่ต้องเจอกันทุกวัน) หรือเจอกันช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์มันก็ทำให้คุณรู้ซึ้งถึงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ว่ามันมีค่าแค่ไหน และคุณก็จะไม่เสียเวลาไปกับการทะเลาะ ที่สำคัญไม่ต้องเหนื่อยมาเจอกันทุกวันหลังเลิกงาน เพราะเชื่อว่าคุณและเขาก็เหนื่อยล้ากับหน้าที่การงานมาทั้งวันแล้ว แถมการทำอะไรที่ฝืนร่างกายก็ส่งผลต่อจิตใจด้วยเช่นกัน
2. มีเวลาเป็นของตัวเอง
ใคร ๆ ก็อยากมีเวลาส่วนตัวทั้งนั้นไม่ว่าคุณหรือคนรัก อีกทั้งคุณก็มีสังคมเพื่อนฝูงที่จำเป็นต้องพบปะพวกเขาบ้างเป็นเรื่องธรรมดา และคงไม่ดีแน่ที่คุณหรือเขาจะมาก้าวก่ายเวลาส่วนตัวของกันและกัน ดังนั้นการที่มีระยะห่างหรือให้อิสระแก่กันและกันจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อน คลายและได้ทำอะไรที่เป็นความต้องการของตัวเองจริง ๆ
3. ความรักพัฒนาขึ้น
ในทุกความสัมพันธ์ต้องการความก้าวหน้าและพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ความรักก็เช่นกันที่ต้องใช้เวลาเรียนรู้จักกันและกัน นอกจากนี้ระยะห่างและอิสระยังมีส่วนสำคัญไม่น้อย เพราะมันทำให้คุณเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเองในขณะที่คุณไม่ได้อยู่กับเขาตลอด เวลา และการมีช่องว่างหรือการอยู่กับตัวเองจะทำให้คุณแข็งแกร่งสามารถดูแลตัวเอง ได้ดี และนั่นหมายถึงคุณยังสามารถดูแลเขาได้ด้วย ไม่ใช่คิดแต่จะพึ่งพาเขาหรืออยู่ไม่ได้หากไม่มีเขาอยู่ด้วย
4. เข้าใจตัวเองมากขึ้น
การอยู่กับตัวเองในบางครั้งก็ทำให้คุณได้ค้นพบความต้องการของตัวเองอย่างแท้ จริง และมันก็เป็นการชาร์จพลังอย่างหนึ่ง ลองคิดดูหากว่าคุณตัวติดกับเขาตลอดเวลาคุณก็ไม่สามารถเป็นตัวเองหรือทำตามใจ ตัวเองได้อย่างเต็มที่ และเมื่อมีระยะห่างให้คุณได้ทบทวนและทำตามใจตัวเองแล้ว คุณก็จะรู้สึกดีกับตัวเอง และแน่นอนว่าเมื่อต่างคนต่างชาร์จพลังกายพลังใจด้วยการทำตามความต้องการของ ตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว ยามที่คุณมาพบกันจึงเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและพร้อมจะแบ่งปันความสุขซึ่ง กันและกันมากกว่าการเรียกร้อง
5. ความรักเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย
การเว้นช่องว่างหรือมีระยะห่างให้กันและกันจะทำให้คุณเข้าใจสัจธรรมที่ว่า "ไม่มีอะไรที่เป็นของเราและไม่มีใครจะอยู่กับเราได้ตลอดเวลา" เมื่อคุณเข้าใจสัจธรรมข้อนี้แล้วคุณก็จะไม่สร้างกฏเกณฑ์หรือตีกรอบให้ความ รัก เช่น ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของให้เขาอึดอัดใจ ในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้เขามีอิสระทำอะไร ๆ ที่เขาต้องการ และแน่นอนว่าเขาจะรู้สึกสบายใจที่ได้คุณเป็นคนรัก
6. คุณไม่สูญเสียความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
ถือเป็นข้อสำคัญเลยล่ะ ลองคิดดูว่าก่อนที่คุณและเขาจะมาพบกันนั้นต่างคนก็ต่างมีสังคมของตัวเอง ไหนจะเพื่อนฝูงหรือครอบครัว ดังนั้นการให้อิสระแก่กันและกันในการใช้เวลากับครอบครัวหรือสังสรรค์กับ กลุ่มเพื่อนจะทำให้ชีวิตของคุณทั้งคู่เติมเต็มในทุกด้าน เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะใช้ชีวิตกับเขาแค่สองคนโดยไม่แคร์ใคร
การให้อิสระแก่กันและกันไม่ได้หมายถึงต่างฝ่ายสามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่คำนึง ถึงอีกฝ่าย แต่หมายถึงการที่ต่างคนได้ทำในสิ่งที่ตนเองต้องการในขณะเดียวกันก็เปิดเผย สิ่งนั้นให้คนรักรับรู้ด้วย แบบนี้สิความรักของคุณจะเต็มไปด้วยความเข้าใจ ไว้ใจ และผ่อนคลาย
1. ความสัมพันธ์สดใหม่เสมอ
ก็แน่นอนล่ะสิ เพราะระยะห่างทำให้คุณมีเวลาได้คิดถึงกัน ไม่ว่าจะเจอกันหลังเลิกงานในวันที่พร้อม (ไม่ต้องเจอกันทุกวัน) หรือเจอกันช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์มันก็ทำให้คุณรู้ซึ้งถึงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ว่ามันมีค่าแค่ไหน และคุณก็จะไม่เสียเวลาไปกับการทะเลาะ ที่สำคัญไม่ต้องเหนื่อยมาเจอกันทุกวันหลังเลิกงาน เพราะเชื่อว่าคุณและเขาก็เหนื่อยล้ากับหน้าที่การงานมาทั้งวันแล้ว แถมการทำอะไรที่ฝืนร่างกายก็ส่งผลต่อจิตใจด้วยเช่นกัน
2. มีเวลาเป็นของตัวเอง
ใคร ๆ ก็อยากมีเวลาส่วนตัวทั้งนั้นไม่ว่าคุณหรือคนรัก อีกทั้งคุณก็มีสังคมเพื่อนฝูงที่จำเป็นต้องพบปะพวกเขาบ้างเป็นเรื่องธรรมดา และคงไม่ดีแน่ที่คุณหรือเขาจะมาก้าวก่ายเวลาส่วนตัวของกันและกัน ดังนั้นการที่มีระยะห่างหรือให้อิสระแก่กันและกันจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อน คลายและได้ทำอะไรที่เป็นความต้องการของตัวเองจริง ๆ
3. ความรักพัฒนาขึ้น
ในทุกความสัมพันธ์ต้องการความก้าวหน้าและพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ความรักก็เช่นกันที่ต้องใช้เวลาเรียนรู้จักกันและกัน นอกจากนี้ระยะห่างและอิสระยังมีส่วนสำคัญไม่น้อย เพราะมันทำให้คุณเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเองในขณะที่คุณไม่ได้อยู่กับเขาตลอด เวลา และการมีช่องว่างหรือการอยู่กับตัวเองจะทำให้คุณแข็งแกร่งสามารถดูแลตัวเอง ได้ดี และนั่นหมายถึงคุณยังสามารถดูแลเขาได้ด้วย ไม่ใช่คิดแต่จะพึ่งพาเขาหรืออยู่ไม่ได้หากไม่มีเขาอยู่ด้วย
4. เข้าใจตัวเองมากขึ้น
การอยู่กับตัวเองในบางครั้งก็ทำให้คุณได้ค้นพบความต้องการของตัวเองอย่างแท้ จริง และมันก็เป็นการชาร์จพลังอย่างหนึ่ง ลองคิดดูหากว่าคุณตัวติดกับเขาตลอดเวลาคุณก็ไม่สามารถเป็นตัวเองหรือทำตามใจ ตัวเองได้อย่างเต็มที่ และเมื่อมีระยะห่างให้คุณได้ทบทวนและทำตามใจตัวเองแล้ว คุณก็จะรู้สึกดีกับตัวเอง และแน่นอนว่าเมื่อต่างคนต่างชาร์จพลังกายพลังใจด้วยการทำตามความต้องการของ ตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว ยามที่คุณมาพบกันจึงเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและพร้อมจะแบ่งปันความสุขซึ่ง กันและกันมากกว่าการเรียกร้อง
5. ความรักเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย
การเว้นช่องว่างหรือมีระยะห่างให้กันและกันจะทำให้คุณเข้าใจสัจธรรมที่ว่า "ไม่มีอะไรที่เป็นของเราและไม่มีใครจะอยู่กับเราได้ตลอดเวลา" เมื่อคุณเข้าใจสัจธรรมข้อนี้แล้วคุณก็จะไม่สร้างกฏเกณฑ์หรือตีกรอบให้ความ รัก เช่น ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของให้เขาอึดอัดใจ ในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้เขามีอิสระทำอะไร ๆ ที่เขาต้องการ และแน่นอนว่าเขาจะรู้สึกสบายใจที่ได้คุณเป็นคนรัก
6. คุณไม่สูญเสียความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
ถือเป็นข้อสำคัญเลยล่ะ ลองคิดดูว่าก่อนที่คุณและเขาจะมาพบกันนั้นต่างคนก็ต่างมีสังคมของตัวเอง ไหนจะเพื่อนฝูงหรือครอบครัว ดังนั้นการให้อิสระแก่กันและกันในการใช้เวลากับครอบครัวหรือสังสรรค์กับ กลุ่มเพื่อนจะทำให้ชีวิตของคุณทั้งคู่เติมเต็มในทุกด้าน เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะใช้ชีวิตกับเขาแค่สองคนโดยไม่แคร์ใคร
การให้อิสระแก่กันและกันไม่ได้หมายถึงต่างฝ่ายสามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่คำนึง ถึงอีกฝ่าย แต่หมายถึงการที่ต่างคนได้ทำในสิ่งที่ตนเองต้องการในขณะเดียวกันก็เปิดเผย สิ่งนั้นให้คนรักรับรู้ด้วย แบบนี้สิความรักของคุณจะเต็มไปด้วยความเข้าใจ ไว้ใจ และผ่อนคลาย
แหล่งที่มา http://wedding.kapook.comฃ
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต