Friday, January 29, 2016

3 เทคนิคสร้างสมดุลชีวิต บูทความคิด ฟิตสมองให้โลดแล่น


         ขึ้นชื่อว่า "มนุษย์งาน" คุณนึกถึงหรือมองเห็นภาพอะไรเกี่ยวกับคำ ๆ นี้...

          บาง คนก็เป็นแบบ work smart ทำงานเป็นระบบ รู้จักจัดเรียงลำดับความสำคัญของงาน พยายามทำงานแต่ละชิ้นสำเร็จตามเวลาที่กำหนด หรืออีกแบบ work hard อันนี้สุดโต่งไปเลย ให้เวลาทุ่มเทกับการทำงานอย่างเต็มที่ ถ้างานยังไม่สำเร็จตามเป้าหมาย ก็จะยังคงทำงานต่อไป เพื่อให้งานลุล่วง

          แน่นอนผลจากการทำงานหนัก คุณอาจได้รับคำชื่นชม ได้รับการประเมินผลงานเป็นที่พอใจ แต่คุณอาจไม่มีเวลาพักผ่อน เนื่องจากทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ เกิดความเครียด สุขภาพเสื่อมโทรมจากการนอนน้อย นอนดึก กินอาหารไม่เป็นเวลา และที่สำคัญหากหมกมุ่นกับงานจนเกินไป อาจจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว คนรัก เพื่อนได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นควรทำอะไรแต่พอดี ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เกิดความเหมาะสมทั้งต่อร่างกายและจิตใจ และหันมาใส่ใจสุขภาพของตัวเองบ้าง


 
 เลือกกินอย่างฉลาด

         หลายคนคิดว่าการกินเอาแค่ให้ท้องอิ่มและมีเรี่ยวแรงทำงานก็พอแล้ว แต่ความเป็นจริงอาหารที่กินเข้าไปมีความสำคัญมากกว่านั้นหลายเท่า ทราบไหมว่า อาหารมีผลต่อระบบการทำงานของร่างกายและสมอง โดยเฉพาะเวลาที่มีความเครียด ร่างกายจะสร้างอนุมูลอิสระมากขึ้น เราจึงต้องการสารอาหารประเภทแอนติออกซิแดนท์หรือสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น  วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี เบต้า-แคโรทีน ซีลีเนียมและสังกะสีเพิ่มขึ้น 

          แต่สำหรับคนที่ต้องเผชิญกับความเครียดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาจเกิดจากทำงานหนัก หรือเจ็บไข้ได้ป่วย การเลือกทานอาหารเสริมก็อาจเป็นสิ่งจำเป็น อย่างเช่น ซุปไก่สกัด ซึ่งประกอบไปด้วยเปปไทด์ที่มีประโยชน์และมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พบว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองและลดอาการเหนื่อยล้าจากการทำงาน นอกจากนี้มีงานวิจัยอื่น ๆ พบว่า ซุปไก่สกัดช่วยเพิ่มความสามารถในการดูดซึมธาตุเหล็ก เพราะถ้าขาดธาตุเหล็กนาน ๆ จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ความจำลดลง และนำไปสู่ภาวะโลหิตจางได้ในที่สุด



หยุดพักสมอง

             ชีวิตที่ต้องทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เจ็บไข้ไม่สบาย เหล่านี้ล้วนบั่นทอนสุขภาพทางร่างกาย การพักสมองไม่ได้หมายถึงการ นอนอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่ช่วยสร้างความผ่อนคลายได้ดี ลองหาเวลาพักผ่อนหรือไปเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลงกันบ้าง ก็จะทำให้รู้สึกดีขึ้น เพื่อให้สมองปลอดโปร่ง สบายกายสบายใจ ทำให้มีความคิดกว้างขวางขึ้น สามารถขบคิดปัญหาต่าง ๆ ให้กลายเป็นเรื่องง่ายได้ เรียกว่าเป็นยาวิเศษที่จะช่วยส่งเสริมสมาธิและความจำ

 
มาออกกำลังกายกันเถอะ

         ขณะที่ออกกำลังกายนั้น ร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟิน ทำให้มีความสุขสดชื่น สมองปลอดโปร่ง ความคิดโลดแล่น ซึ่งว่ากันว่าการออกกำลังที่จะช่วยให้สุขภาพดีนั้นควรใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที และต้องออกกำลังสัปดาห์ละ 3 ครั้งเป็นอย่างต่ำ

          ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องตึงเป๊ะไปหมด การปล่อยให้ชีวิตมีความยืดหยุ่นบ้าง หรือลองทำอะไรนอกเหนือจากที่เคยทำในชีวิตประจำวัน ก็จะช่วยทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น พร้อม ๆ กับการสร้างสมดุลในชีวิต เพื่อสุขภาพดี

อ้างอิง

• Azhar M.Z. et al. Effect of Taking Chicken Essence on Cognitive Functioning of Normal Stressed Human Volunteers. Mal. J. Med. Health. Sci.  2008;4(1):57-68.
• Nagai H. et al. Effects of Chicken Extract on the Recovery from Fatigue Caused by Mental Workload. Appl. Human. Sci.  1996;15(6):281-6.
• Williams A.T. and Schey S.A.Use of a Traditional Blood Remedy. A Study on Regular Blood Donors.  Int. J. Food. Sci. Nutri.  1993;44:17-20.

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ผศ.ดร. เอกราช  บำรุงพืชน์ ประธานฝ่ายวิชาการ ชมรมโภชนวิทยามหิดล
http://health.kapook.com/view139658.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/330240585147518108/

Saturday, January 23, 2016

เมื่อหมดรัก...ความอดทนจะน้อยลง




         จริงอยู่ที่ "ความรัก" ต้องเดินควบคู่ไปกับ "ความอดทน" เพราะการที่คนสองคนคบหากันหรือแม้แต่การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ก็ต้องมีพื้นฐานมาจากทั้งความรักและความอดทน เพื่อก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ นานา ที่เข้ามาเป็นบททดสอบ "ชีวิตรัก" กันทั้งนั้น

          แต่อย่าลืมว่าทุก ๆ สิ่งบนโลกเปลี่ยนแปลงตลอดเสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่ง "ความรู้สึก" ของคน ยิ่งนานวันก็ยิ่งแปรเปลี่ยน โดยเฉพาะกับเรื่อง "ความรัก" ที่ใช้ "ความอดทน" มาเกี่ยวข้อง เพราะกับบางคนใช้ "ความรู้สึก" ในการนำทาง "หัวใจ" และเมื่อใดที่จู่ ๆ เกิดความรู้สึก "หมดรัก" ทั้งจากที่เจอคนที่รู้สึกใช่กว่า หรือรู้สึกว่าไปด้วยกันไม่ได้ ... "ความอดทน" ก็มักจะหมดลงตามไปด้วย

          จากที่เคยอดทนได้กับทุกสิ่งที่ "เขา" หรือ "เธอ" ทำ ก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนลดลงมาเรื่อย ๆ

          จากที่เคยบอกว่าชอบดูหนังรัก ก็เริ่มอยากดูหนังแอ็คชั่น

          จากที่เคยบอกว่าไม่อยากไปไหนกับเพื่อน ก็เริ่มอยากออกไปสังสรรค์

          จากที่เคยบอกว่าเหงา ไม่ชอบอยู่คนเดียว ก็เริ่มอยากมีเวลาส่วนตัว

          จากที่เคยมารับทุก ๆ วัน ก็เริ่มหายหน้าหายตาอ้างว่าติดธุระ

          จากที่เคยโทรหาวันละหลาย ๆ รอบ ก็เริ่มเหลือวันละรอบ

          จากที่เคยอดทนรอเป็นชั่วโมง ๆ เพื่อจะกินข้าวด้วย แต่แค่ 15 นาที ก็เริ่มรอไม่ได้

          จากที่เคยยอมตามใจทุกอย่าง ก็เริ่มไม่สนใจ ไม่ง้อ

          และหากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ ก็จะเกิดการ "ทะเลาะเบาแว้ง" ตามมา ซึ่งบางครั้งก็ด้วยเรื่องเดิม ๆ พร้อมกับเหตุผลเดิม ๆ ที่ต่างฝ่ายต่างนำมากล่าวอ้าง จากนั้นอารมณ์ "เสียความรู้สึก" ก็จะเริ่มคืบคลานเข้ามาหาทีละนิด ๆ

          หากปล่อยให้มันยืดเยื้อนานวันไปเรื่อย ๆ คงมีสักวันที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง "ความอดทน" หมดลง และระเบิดออกมา จนถึงขั้น "เลิกรา" ดังนั้นหากคุณต้องอยู่เพราะ "อดทน" แล้วแบบนั้นมันเรียกว่า "ความรัก" หรือเปล่า ลองถามใจตัวเองดูดี ๆ นะ :D

http://wedding.kapook.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81-30181.html