เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนต่างก็มีเซ้นส์คอยสะกิดใจชวนให้สงสัยกันอยู่แล้ว
เวลาที่แฟนของคุณเริ่มมีพฤติกรรมบางอย่างผิดแปลกไป โดยสาเหตุส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากการที่เขาแอบคุยกับผู้หญิงคนอื่นในเชิงชู้สาว
ซึ่งบางครั้งคุณก็บอกได้ไม่เต็มปากนักหรอกว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ๆ หรือไม่
และหากจะถามเขาโดยตรงก็คงไม่ได้คำตอบที่แท้จริงเป็นแน่ ดังนั้น
ในวันนี้เราก็เลยนำวิธีเช็คพฤติกรรมแฟนหนุ่ม จะได้รู้กันไปเลยว่า
เขาแอบมีกิ๊กอย่างที่คุณสงสัยจริง ๆ หรือเปล่า
1. ต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น
หากมีเสียงเรียกเข้าในโทรศัพท์ของเขา ก็จะต้องขอตัวออกไปคุยเป็นการส่วนตัวเกือบทุกครั้ง นอกจากนี้ เขายังดูไม่ค่อยพอใจนักเวลาที่คุณเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ในเวลาที่เขากำลังแชทกับใครบางคนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือหลัง ๆ มานี้เขามักจะขออยู่คนเดียวไม่ค่อยยอมออกไปไหนมาไหนกับคุณเหมือนอย่างเคย หากเขามีพฤติกรรมแบบนี้ให้ตั้งข้อสงสัยเอาไว้ก่อนเลยว่า อาจจะมีเรื่องไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่
2. หวงโทรศัพท์ราวกับเป็นของมีค่า
หากเขามักจะชำเลืองตามองคุณหลังจากที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก่อนที่จะมองข้อความ และไม่ค่อยยอมให้คุณเช็คโทรศัพท์ของเขาเหมือนที่ผ่าน ๆ มา คุณควรจะเชื่อเซ้นส์ของตัวเองได้เลย แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ควรผลีผลามทำอะไรที่ทำให้เขาขุ่นเคืองใจ หากเป็นไปได้ควรจะดูพฤติกรรมอื่น ๆ ประกอบกันไปด้วย ก่อนที่จะสรุปว่าเขามีผู้หญิงคนอื่น เพราะบางคนอาจจะแค่หวงความเป็นส่วนตัวก็ได้
3. ไม่ค่อยมีเวลาให้เหมือนก่อน
จากที่เคยไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ ได้มีโอกาสออกไปเที่ยวกันบ้างหลังเลิกงาน แต่ในช่วงนี้เขาดูเหมือนจะยุ่งกับงานตลอดทั้งวัน แม้วันหยุดก็ไม่เคยจะมีเวลาว่างให้กับคุณเลย โทรศัพท์ไปก็ไม่ค่อยรับสาย พอบอกให้โทรกลับก็ไม่เคยทำตามที่บอก หากเป็นอย่างที่กล่าวมาก็มีความเป็นไปได้ 2 กรณี คือ ถ้าไม่เป็นผู้ชายบ้างาน ก็น่าจะอยู่กับผู้หญิงคนอื่น
4. อ้างติดงานตลอดเวลา
เหตุผลหลักที่ผู้ชายหลายคนใช้มาอ้างบ่อย ๆ เวลาที่โดนแฟนสาวโทรศัพท์มาคุย เมื่อไม่ค่อยมีเวลาให้กับพวกเธอ ซึ่งบางคนก็อาจจะติดงานอยู่จริง ๆ ในขณะที่บางคนก็นำมาใช้เป็นข้ออ้างเวลาที่ออกไปเที่ยวกับผู้หญิงคนอื่น ซึ่งในข้อนี้ไม่มีใครสามารถฟันธงได้ชัดเจนนอกจากตัวคุณเอง เพราะมีแต่คุณเท่านั้นที่รู้จักนิสัยเขาดีที่สุด อย่างไรก็ลองคิดทบทวนถึงแนวโน้มที่จะเป็นได้ไปก็แล้วกัน
5. ดูแลตัวเองแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หากเขาไม่เคยดูแลตัวเองเลย ทั้ง ๆ ที่คุณก็พยายามบอกให้ทำแล้วหลายรอบ แต่วันดีคืนดีอยู่ ๆ เขาก็อยากเปลี่ยนลุคตัวเองให้ดูดีขึ้น ใช้เวลาอยู่กับกระจกนานขึ้น แค่สิวขึ้นบนใบหน้า 1 เม็ด ก็บ่นเป็นชั่วโมง หรือแทบไม่อยากให้มีข้อบกพร่องเลยก็ว่าได้ คุณควรจะเริ่มกังวลได้แล้ว เพราะจะมีผู้ชายสักกี่คนที่อยากเปลี่ยนตัวเองหากไม่มีความรัก
6. เลี่ยงตอบคำถาม
ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเริ่มดูคลุมเครือมากขึ้น เพราะไม่ว่าคุณจะถามอะไรไป เขาก็มักจะหลีกเลี่ยงการตอบคำถามของคุณเสมอ โดยเฉพาะเวลาที่คุณถามเกี่ยวกับสถานที่ที่เขาไป หรือคนที่อยู่เขาในช่วงเวลานั้น ซ้ำร้ายบางครั้งอาจจะนำการพูดคุยไปสู่การทะเลาะ อย่างเช่น "ทำไมคุณต้องถามผมแบบนี้ด้วยไม่ไว้ใจผมเหรอ ?"…"ทำไมผมต้องรายงานคุณทุกเรื่องด้วย" หรือคำพูดในทำนองนี้ เป็นต้น
7. ต้องการคุณน้อยลง
นอกจากจะมีเวลาให้คุณน้อยลงแล้ว ยังต้องการคุณน้อยลงด้วย โดยเริ่มออกไปไหนมาไหนคนเดียวบ่อยขึ้น ที่สำคัญเรื่องเซ็กส์ระหว่างคุณกับเขาก็น้อยลง หรือห่างหายจากเรื่องนี้ไปนานแล้ว ซึ่งเมื่อคุณลองเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน อาจเป็นสัญญาณเตือนที่บอกให้คุณรู้ว่า ถึงเวลาบอกเลิกแล้วก็ได้
8. นับวันพฤติกรรมยิ่งแปลก
พฤติกรรมแปลก ๆ ที่ว่านี้ อย่างเช่น เขามักจะแอบอมยิ้มหรือนั่งหัวเราะคนเดียว หลังจากที่ได้อ่านข้อความในโทรศัพท์ และเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อเห็นว่าคุณมองไปที่เขา ไม่ค่อยพาคุณไปเจอเพื่อน ๆ ของเขาเหมือนก่อนหน้านี้ หรือพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกว่าเขามีบางอย่างเปลี่ยนไป คุณควรสืบสาวราวเรื่องได้แล้ว เพราะพฤติกรรมแบบนี้น่าจะปิดบังบางอย่างอยู่แน่ ๆ
9. ออกไปเที่ยวกับเพื่อนที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อน
อีกหนึ่งพฤติกรรมที่หนุ่มมีกิ๊กชอบทำกัน ก็คือ มักจะอ้างว่าออกไปเที่ยวกับเพื่อน โดยเพื่อนที่เขาบอกเป็นเพื่อนที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนที่เขาสร้างขึ้นมาในจินตนาการ หรือเป็นเพื่อนที่มีตัวตนอยู่จริง ๆ ก็ไม่ควรวางใจ เพราะพฤติกรรมแบบนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากเดิมแน่นอน และก็อาจจะเป็นเรื่องที่ทำให้คุณเจ็บปวดมากที่สุดก็ได้เมื่อความจริงเปิดเผย
10. เริ่มตีตัวออกห่าง
หากเขามีพฤติกรรมแบบนี้ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ความรักของคุณก็ยังดีอยู่ และไม่น่าจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้พวกคุณรู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้ บางทีเขาอาจจะแบ่งความรักให้คนอื่นไปแล้วจริง ๆ เพราะบางคนอาจจะทำตัวไม่ถูก เป็นคนโกหกไม่เก่ง ก็เลยใช้วิธีตีตัวออกห่างจากคุณ เพื่อจะได้หันไปคบกับอีกคนได้สะดวกใจยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ พฤติกรรมต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไปก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งทางที่ดีคุณควรจะสืบสาวราวเรื่องให้แน่ใจเสียก่อนว่าเขามีคนอื่นจริง ๆ จึงค่อยพูดคุยให้เป็นเรื่องราว เพราะสำหรับบางคนอาจจะมีเหตุผลอื่น ๆ ก็เลยทำให้เขาเปลี่ยนไปก็ได้ แต่สำหรับคนที่สืบจนแน่ใจแล้วว่าเขามีคนอื่น ก็ลองทบทวนดูแล้วกันว่าจะให้อภัยหรือเดินจากเขาไปดี
1. ต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น
หากมีเสียงเรียกเข้าในโทรศัพท์ของเขา ก็จะต้องขอตัวออกไปคุยเป็นการส่วนตัวเกือบทุกครั้ง นอกจากนี้ เขายังดูไม่ค่อยพอใจนักเวลาที่คุณเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ในเวลาที่เขากำลังแชทกับใครบางคนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือหลัง ๆ มานี้เขามักจะขออยู่คนเดียวไม่ค่อยยอมออกไปไหนมาไหนกับคุณเหมือนอย่างเคย หากเขามีพฤติกรรมแบบนี้ให้ตั้งข้อสงสัยเอาไว้ก่อนเลยว่า อาจจะมีเรื่องไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่
2. หวงโทรศัพท์ราวกับเป็นของมีค่า
หากเขามักจะชำเลืองตามองคุณหลังจากที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก่อนที่จะมองข้อความ และไม่ค่อยยอมให้คุณเช็คโทรศัพท์ของเขาเหมือนที่ผ่าน ๆ มา คุณควรจะเชื่อเซ้นส์ของตัวเองได้เลย แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ควรผลีผลามทำอะไรที่ทำให้เขาขุ่นเคืองใจ หากเป็นไปได้ควรจะดูพฤติกรรมอื่น ๆ ประกอบกันไปด้วย ก่อนที่จะสรุปว่าเขามีผู้หญิงคนอื่น เพราะบางคนอาจจะแค่หวงความเป็นส่วนตัวก็ได้
3. ไม่ค่อยมีเวลาให้เหมือนก่อน
จากที่เคยไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ ได้มีโอกาสออกไปเที่ยวกันบ้างหลังเลิกงาน แต่ในช่วงนี้เขาดูเหมือนจะยุ่งกับงานตลอดทั้งวัน แม้วันหยุดก็ไม่เคยจะมีเวลาว่างให้กับคุณเลย โทรศัพท์ไปก็ไม่ค่อยรับสาย พอบอกให้โทรกลับก็ไม่เคยทำตามที่บอก หากเป็นอย่างที่กล่าวมาก็มีความเป็นไปได้ 2 กรณี คือ ถ้าไม่เป็นผู้ชายบ้างาน ก็น่าจะอยู่กับผู้หญิงคนอื่น
4. อ้างติดงานตลอดเวลา
เหตุผลหลักที่ผู้ชายหลายคนใช้มาอ้างบ่อย ๆ เวลาที่โดนแฟนสาวโทรศัพท์มาคุย เมื่อไม่ค่อยมีเวลาให้กับพวกเธอ ซึ่งบางคนก็อาจจะติดงานอยู่จริง ๆ ในขณะที่บางคนก็นำมาใช้เป็นข้ออ้างเวลาที่ออกไปเที่ยวกับผู้หญิงคนอื่น ซึ่งในข้อนี้ไม่มีใครสามารถฟันธงได้ชัดเจนนอกจากตัวคุณเอง เพราะมีแต่คุณเท่านั้นที่รู้จักนิสัยเขาดีที่สุด อย่างไรก็ลองคิดทบทวนถึงแนวโน้มที่จะเป็นได้ไปก็แล้วกัน
5. ดูแลตัวเองแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หากเขาไม่เคยดูแลตัวเองเลย ทั้ง ๆ ที่คุณก็พยายามบอกให้ทำแล้วหลายรอบ แต่วันดีคืนดีอยู่ ๆ เขาก็อยากเปลี่ยนลุคตัวเองให้ดูดีขึ้น ใช้เวลาอยู่กับกระจกนานขึ้น แค่สิวขึ้นบนใบหน้า 1 เม็ด ก็บ่นเป็นชั่วโมง หรือแทบไม่อยากให้มีข้อบกพร่องเลยก็ว่าได้ คุณควรจะเริ่มกังวลได้แล้ว เพราะจะมีผู้ชายสักกี่คนที่อยากเปลี่ยนตัวเองหากไม่มีความรัก
6. เลี่ยงตอบคำถาม
ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเริ่มดูคลุมเครือมากขึ้น เพราะไม่ว่าคุณจะถามอะไรไป เขาก็มักจะหลีกเลี่ยงการตอบคำถามของคุณเสมอ โดยเฉพาะเวลาที่คุณถามเกี่ยวกับสถานที่ที่เขาไป หรือคนที่อยู่เขาในช่วงเวลานั้น ซ้ำร้ายบางครั้งอาจจะนำการพูดคุยไปสู่การทะเลาะ อย่างเช่น "ทำไมคุณต้องถามผมแบบนี้ด้วยไม่ไว้ใจผมเหรอ ?"…"ทำไมผมต้องรายงานคุณทุกเรื่องด้วย" หรือคำพูดในทำนองนี้ เป็นต้น
7. ต้องการคุณน้อยลง
นอกจากจะมีเวลาให้คุณน้อยลงแล้ว ยังต้องการคุณน้อยลงด้วย โดยเริ่มออกไปไหนมาไหนคนเดียวบ่อยขึ้น ที่สำคัญเรื่องเซ็กส์ระหว่างคุณกับเขาก็น้อยลง หรือห่างหายจากเรื่องนี้ไปนานแล้ว ซึ่งเมื่อคุณลองเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน อาจเป็นสัญญาณเตือนที่บอกให้คุณรู้ว่า ถึงเวลาบอกเลิกแล้วก็ได้
8. นับวันพฤติกรรมยิ่งแปลก
พฤติกรรมแปลก ๆ ที่ว่านี้ อย่างเช่น เขามักจะแอบอมยิ้มหรือนั่งหัวเราะคนเดียว หลังจากที่ได้อ่านข้อความในโทรศัพท์ และเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อเห็นว่าคุณมองไปที่เขา ไม่ค่อยพาคุณไปเจอเพื่อน ๆ ของเขาเหมือนก่อนหน้านี้ หรือพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกว่าเขามีบางอย่างเปลี่ยนไป คุณควรสืบสาวราวเรื่องได้แล้ว เพราะพฤติกรรมแบบนี้น่าจะปิดบังบางอย่างอยู่แน่ ๆ
9. ออกไปเที่ยวกับเพื่อนที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อน
อีกหนึ่งพฤติกรรมที่หนุ่มมีกิ๊กชอบทำกัน ก็คือ มักจะอ้างว่าออกไปเที่ยวกับเพื่อน โดยเพื่อนที่เขาบอกเป็นเพื่อนที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนที่เขาสร้างขึ้นมาในจินตนาการ หรือเป็นเพื่อนที่มีตัวตนอยู่จริง ๆ ก็ไม่ควรวางใจ เพราะพฤติกรรมแบบนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากเดิมแน่นอน และก็อาจจะเป็นเรื่องที่ทำให้คุณเจ็บปวดมากที่สุดก็ได้เมื่อความจริงเปิดเผย
10. เริ่มตีตัวออกห่าง
หากเขามีพฤติกรรมแบบนี้ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ความรักของคุณก็ยังดีอยู่ และไม่น่าจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้พวกคุณรู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้ บางทีเขาอาจจะแบ่งความรักให้คนอื่นไปแล้วจริง ๆ เพราะบางคนอาจจะทำตัวไม่ถูก เป็นคนโกหกไม่เก่ง ก็เลยใช้วิธีตีตัวออกห่างจากคุณ เพื่อจะได้หันไปคบกับอีกคนได้สะดวกใจยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ พฤติกรรมต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไปก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งทางที่ดีคุณควรจะสืบสาวราวเรื่องให้แน่ใจเสียก่อนว่าเขามีคนอื่นจริง ๆ จึงค่อยพูดคุยให้เป็นเรื่องราว เพราะสำหรับบางคนอาจจะมีเหตุผลอื่น ๆ ก็เลยทำให้เขาเปลี่ยนไปก็ได้ แต่สำหรับคนที่สืบจนแน่ใจแล้วว่าเขามีคนอื่น ก็ลองทบทวนดูแล้วกันว่าจะให้อภัยหรือเดินจากเขาไปดี
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment