ความรักมักจะเล่นตลกและสวนทางกับสิ่งที่เราต้องการเสมอ
เพราะเวลาที่เราไปชอบใคร เขาคนนั้นก็มักจะไม่ได้รู้สึกเหมือนกับเรา ในขณะที่บางครั้งเมื่อมีคนมาชอบเรา
เราก็ไม่ได้ชอบเขาเสียอย่างนั้น หรือพยายามทำใจให้ชอบก็แล้ว บังคับใจตัวเองก็แล้ว ก็ทำใจให้ชอบเขาไม่ได้สักที
และเมื่อความรู้สึกของพวกคุณมันตรงกันข้ามแบบนี้ มันต้องมีคนเจ็บอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อความรู้สึกเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้
อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ควรจะทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่ายให้เจ็บไปมากกว่านี้ และคงจะดีกว่าหากจากกันด้วยดี
ไม่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกผิดทีหลัง ด้วย 6 วิธีรับมือกับความรักที่คุณไม่ต้องการกันดีกว่า
1. ตอบรับความรู้สึกด้วยการขอบคุณ
แม้ความรักที่คุณได้มาเป็นความรักที่คุณไม่ต้องการ ก็ไม่ควรปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยหรือเมินเฉยความรู้สึกของเขาซะทีเดียว หากคุณอยากจะปฏิเสธก็ควรพูดด้วยคำพูดที่สุภาพ น้ำเสียงที่นุ่มนวล และที่สำคัญอย่าลืมตอบรับความรู้สึกของเขาด้วยความขอบคุณ พร้อมกับบอกความรู้สึกที่คุณมีต่อเขาให้ชัดเจนว่า คุณไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับเขา จะได้เข้าใจตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย และไม่สร้างความหวังที่ไม่มีวันเป็นไปได้ให้กับเขา
2. บอกความรู้สึกของคุณให้เขารู้
เมื่อคุณแน่ใจแล้วว่าคุณไม่ได้รู้สึกรักหรือชอบเขาอย่างที่เขาบอกกับคุณ ก็ไม่ควรจะทำให้เขารู้สึกว่าเป็นคนพิเศษหรือมีความหวัง โดยการใช้คำพูดหวาน ๆ หรือดูโรแมนติก โดยถ้าเป็นคนที่ไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ ก็บอกเขาไปเลยว่า คุณมีแฟนแล้วหรือตอนนี้ไม่สนใจที่จะคบหากับใคร ส่วนในกรณีที่เป็นคนใกล้ชิด อย่างเช่น เพื่อนร่วมงาน ก็อาจจะอ้างว่าคุณไม่อยากให้มีปัญหากับงาน หรือรู้สึกไม่สบายใจที่จะออกเดทกับคนที่ทำงานที่เดียวกันก็ได้
3. ยอมเสียความรู้สึกดีกว่าให้เขาเข้าใจผิด
หากคนที่มาบอกรักคุณเป็นเพื่อนสนิทของคุณเอง คุณอาจรู้สึกไม่สะดวกใจนักกับการที่จะต้องปฏิเสธความรู้สึกของเขา อย่างไรก็ตาม หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้คุณก็ควรจะทำทุกอย่างให้ชัดเจน โดยการปฏิเสธความรู้สึกของเขาไปว่า เขาก็เป็นเพื่อนที่ดีของคุณคนหนึ่ง แต่คุณก็ไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น แม้เป็นสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บ แต่ก็ดีกว่าการรักษาน้ำใจแล้วทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าคุณมีใจให้เขา
4. ระมัดระวังคำพูดและการกระทำ
หากคุณเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ควรระมัดระวังการวางท่าทีของตัวเองให้มากขึ้น เพราะแม้คุณจะปฏิเสธเขาไปแล้ว แต่การกระทำของคุณก็อาจทำให้เขาเข้าใจผิดได้ ดังนั้น อย่าพยายามทำหรือส่งสัญญาณอะไรที่ทำให้เขารู้สึกหรือคิดว่าคุณมีใจให้กับเขา หากเป็นไปได้ก็ควรรักษาระยะห่างกับเขาเอาไว้ จนกว่าจะแน่ใจว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของคุณแล้วจริง ๆ
5. เลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา
หลังจากที่คุณปฏิเสธความรู้สึกของเขาไปแล้ว ก็อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกคุณเปลี่ยนไป ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่บรรยากาศรอบตัวมันน่าอึดอัดก็ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันสักระยะ แม้มันอาจเป็นการกระทำที่ดูแปลกไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด หรือน่าอึดอัดใจจนทำให้คุณเผลอพูดบางอย่างที่ทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่ายไปมากกว่านี้
6. ให้เวลาเขาทำใจ
ในกรณีที่เป็นเพื่อนสนิทของคุณเอง และคุณอยากจะให้ทุกอย่างกลายเป็นเหมือนเดิม ช่วงแรก ๆ หลังจากที่คุณเพิ่งจะปฏิเสธความรู้สึกของเขาไปก็ควรให้เวลาเขาทำใจสักระยะ ส่วนตัวคุณเองก็ให้วางตัวเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เป็นเพื่อนกัน ทั้งการกระทำและคำพูด แล้วเวลาก็จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง โดยเฉพาะถ้าหากคุณไม่ได้แสดงทีท่าใด ๆ ว่าสนใจเขาเกินกว่าการเป็นเพื่อน
ความรู้สึกเป็นสิ่งที่เราห้ามหรือบังคับกันไม่ได้ ดังนั้นถ้าหากมีคนมาชอบคุณ แต่บังเอิญว่าคุณไม่ได้ชอบเขา ก็ไม่จำเป็นต้องตอบรับความรู้สึกเหล่านั้นก็ได้ แต่ทั้งนี้เมื่อคุณเลือกที่จะปฏิเสธแล้วก็ควรทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่า ตัวเองยังมีค่าด้วยคำขอบคุณ พร้อมกับบอกความรู้สึกของตัวเองให้ชัดเจน จะได้ไม่ทำร้ายความรู้สึกเขาไปมากกว่านี้ ส่วนตัวคุณเองก็สบายใจด้วย
1. ตอบรับความรู้สึกด้วยการขอบคุณ
แม้ความรักที่คุณได้มาเป็นความรักที่คุณไม่ต้องการ ก็ไม่ควรปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยหรือเมินเฉยความรู้สึกของเขาซะทีเดียว หากคุณอยากจะปฏิเสธก็ควรพูดด้วยคำพูดที่สุภาพ น้ำเสียงที่นุ่มนวล และที่สำคัญอย่าลืมตอบรับความรู้สึกของเขาด้วยความขอบคุณ พร้อมกับบอกความรู้สึกที่คุณมีต่อเขาให้ชัดเจนว่า คุณไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับเขา จะได้เข้าใจตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย และไม่สร้างความหวังที่ไม่มีวันเป็นไปได้ให้กับเขา
2. บอกความรู้สึกของคุณให้เขารู้
เมื่อคุณแน่ใจแล้วว่าคุณไม่ได้รู้สึกรักหรือชอบเขาอย่างที่เขาบอกกับคุณ ก็ไม่ควรจะทำให้เขารู้สึกว่าเป็นคนพิเศษหรือมีความหวัง โดยการใช้คำพูดหวาน ๆ หรือดูโรแมนติก โดยถ้าเป็นคนที่ไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ ก็บอกเขาไปเลยว่า คุณมีแฟนแล้วหรือตอนนี้ไม่สนใจที่จะคบหากับใคร ส่วนในกรณีที่เป็นคนใกล้ชิด อย่างเช่น เพื่อนร่วมงาน ก็อาจจะอ้างว่าคุณไม่อยากให้มีปัญหากับงาน หรือรู้สึกไม่สบายใจที่จะออกเดทกับคนที่ทำงานที่เดียวกันก็ได้
3. ยอมเสียความรู้สึกดีกว่าให้เขาเข้าใจผิด
หากคนที่มาบอกรักคุณเป็นเพื่อนสนิทของคุณเอง คุณอาจรู้สึกไม่สะดวกใจนักกับการที่จะต้องปฏิเสธความรู้สึกของเขา อย่างไรก็ตาม หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้คุณก็ควรจะทำทุกอย่างให้ชัดเจน โดยการปฏิเสธความรู้สึกของเขาไปว่า เขาก็เป็นเพื่อนที่ดีของคุณคนหนึ่ง แต่คุณก็ไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น แม้เป็นสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บ แต่ก็ดีกว่าการรักษาน้ำใจแล้วทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าคุณมีใจให้เขา
4. ระมัดระวังคำพูดและการกระทำ
หากคุณเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ควรระมัดระวังการวางท่าทีของตัวเองให้มากขึ้น เพราะแม้คุณจะปฏิเสธเขาไปแล้ว แต่การกระทำของคุณก็อาจทำให้เขาเข้าใจผิดได้ ดังนั้น อย่าพยายามทำหรือส่งสัญญาณอะไรที่ทำให้เขารู้สึกหรือคิดว่าคุณมีใจให้กับเขา หากเป็นไปได้ก็ควรรักษาระยะห่างกับเขาเอาไว้ จนกว่าจะแน่ใจว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของคุณแล้วจริง ๆ
5. เลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา
หลังจากที่คุณปฏิเสธความรู้สึกของเขาไปแล้ว ก็อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกคุณเปลี่ยนไป ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่บรรยากาศรอบตัวมันน่าอึดอัดก็ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันสักระยะ แม้มันอาจเป็นการกระทำที่ดูแปลกไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด หรือน่าอึดอัดใจจนทำให้คุณเผลอพูดบางอย่างที่ทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่ายไปมากกว่านี้
6. ให้เวลาเขาทำใจ
ในกรณีที่เป็นเพื่อนสนิทของคุณเอง และคุณอยากจะให้ทุกอย่างกลายเป็นเหมือนเดิม ช่วงแรก ๆ หลังจากที่คุณเพิ่งจะปฏิเสธความรู้สึกของเขาไปก็ควรให้เวลาเขาทำใจสักระยะ ส่วนตัวคุณเองก็ให้วางตัวเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เป็นเพื่อนกัน ทั้งการกระทำและคำพูด แล้วเวลาก็จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง โดยเฉพาะถ้าหากคุณไม่ได้แสดงทีท่าใด ๆ ว่าสนใจเขาเกินกว่าการเป็นเพื่อน
ความรู้สึกเป็นสิ่งที่เราห้ามหรือบังคับกันไม่ได้ ดังนั้นถ้าหากมีคนมาชอบคุณ แต่บังเอิญว่าคุณไม่ได้ชอบเขา ก็ไม่จำเป็นต้องตอบรับความรู้สึกเหล่านั้นก็ได้ แต่ทั้งนี้เมื่อคุณเลือกที่จะปฏิเสธแล้วก็ควรทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่า ตัวเองยังมีค่าด้วยคำขอบคุณ พร้อมกับบอกความรู้สึกของตัวเองให้ชัดเจน จะได้ไม่ทำร้ายความรู้สึกเขาไปมากกว่านี้ ส่วนตัวคุณเองก็สบายใจด้วย
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment