Tuesday, July 5, 2016

11 สิ่งที่ควรลบทิ้งออกจากเฟซบุ๊ก เพื่อชีวิตดี๊ดีหายห่วง




            ชวนดู 11 อย่าง ที่คุณควรลบมันทิ้งไปจากเฟซบุ๊กของคุณ ไล่ตั้งแต่ข้อมูลส่วนตัว จนถึงบุคคลแบบต่าง ๆ ที่ไม่ควรแอดไว้เป็นเพื่อน รู้ไว้และทำตาม ชีวิตจะปลอดภัยและดีขึ้นอีกโขเลยเชียว

            ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคโซเชียลแบบนี้ บรรดาสังคมออนไลน์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม และอื่น ๆ ต่างเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของคนเมืองอย่างมาก จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นโลกอีกฟากหนึ่งที่มีตัวตนของเราอยู่จริง ๆ

            แต่โลกโซเชียลนี้ก็เป็นเหมือนดาบสองคม โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 1.5 พันล้านราย เพราะการที่เราใส่ข้อมูลส่วนตัวลงไปจนแน่นขนัดทุกช่องเท่าที่พอจะมีให้กรอก แทนที่จะเป็นการพรีเซนต์ตัวเอง กลับกลายเป็นการเปิดเผยตัวตนจริง ๆ มากเกินไป จนเกิดเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่พอที่จะให้มิจฉาชีพอาศัยจังหวะนี้เล่นงานเราได้

            ฉะนั้นเว็บไซต์อินดิเพนเดนท์ จึงได้รวบรวม 11 สิ่ง ที่คุณควรจะลบมันทิ้งออกจากหน้าโปรไฟล์และส่วนต่าง ๆ ในเฟซบุ๊กของคุณไปซะ แล้วรับรองว่าชีวิตจะดีขึ้นเป็นกอง

1. วันเกิด

            เพราะวันเกิดคือหนึ่งในกุญแจสำคัญของข้อมูลส่วนตัวหลาย ๆ อย่าง ซึ่งมิจฉาชีพเองก็ฉลาดพอที่จะใช้วันเกิดในการเจาะเข้าถึงบัญชีธนาคารออนไลน์ หรือบัญชีอื่น ๆ โดยเฉพาะคนที่ชอบใช้พาสเวิร์ดเป็นตัวเลขวันเกิด ต้องระวังให้ดีเป็นพิเศษเลยเชียว

2. หมายเลขโทรศัพท์

            เช่นเดียวกับวันเดือนปีเกิด หมายเลขโทรศัพท์เป็นอีกหนึ่งอย่างที่สาวถึงตัวตนของคุณในโลกแห่งความจริงได้ ไม่ยาก โดยเฉพาะบรรดาโรคจิต สตอล์กเกอร์ หรือมิจฉาชีพทางโทรศัพท์ ที่อาจโทรมาป่วนและหลอกลวงคุณได้ทุกเวลา

3. เพื่อนบางประเภท

            งานวิจัยจากศาสตราจารย์คณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด เผยว่า การมีเพื่อนในเฟซบุ๊กเยอะไม่ได้แปลว่าดี มนุษย์เราคงความสัมพันธ์กับเพื่อนได้มากที่สุดก็ราว 150 คนเท่านั้น จากการสำรวจตัวเอง เขาพบว่าในบรรดาเพื่อน 3,375 คนของเขา มีเพียง 4.1 เปอร์เซ็นต์ ที่ตัวอาจารย์เองคิดว่าไว้ใจได้ และอีกเพียง 13.6 เปอร์เซ็นต์ที่แสดงความเห็นอกเห็นใจในสเตตัสชวนสะเทือนใจของเขา

 4. รูปภาพและคลิปของลูกหลาน วัยกำลังน่ารักน่าเอ็นดู

            ถึงแม้จะเป็นภาพน่ารัก ๆ ดูแล้วชื่นอกชื่นใจจนอยากแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้ดูบ้าง ขอบอกว่า "อย่า" เชียวนะจ๊ะ เพราะการกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเด็ก ๆ อย่างแรง แต่ถ้าอยากโพสต์จริง ๆ ก็ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่า เด็ก ๆ อยากจะเห็นภาพของตัวเองบนโลกออนไลน์ในลักษณะไหน เมื่อพวกเขาโตพอที่จะรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้

5. ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนของลูกหลาน

            รายงานโดยองค์กรสังคมเพื่อการป้องกันการทารุณเด็กแห่งอังกฤษ (NSPCC) เปิดเผยว่า สถิติการทำร้ายร่างกายผู้เยาว์ โดยเฉพาะการล่วงละเมิดทางเพศในสหราชอาณาจักร พุ่งสูงขึ้นมากในปีที่ผ่านมา รวมถึงในประเทศไทยที่เรามักจะพบข่าวการทำร้ายเด็กอยู่บ่อยครั้ง ฉะนั้น ทางที่ดีคือ ไม่ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนของลูกหลานลงในเฟซบุ๊ก เพื่อความปลอดภัยขึ้นอีกระดับหนึ่ง

6. ปิด Location services

            ขณะใช้งานเฟซบุ๊กบนมือถือ จงแน่ใจว่าปิดการใช้งาน Location services หรือตัวระบุที่อยู่ของเรา เพราะคุณไม่อาจแน่ใจได้เลยว่า เพื่อนในเฟซบุ๊กของเราที่สามารถรับรู้ได้ว่าเราอยู่ที่ไหน จะหวังดีหรือหวังร้ายกับเรากันแน่

7. เลิกแอดเจ้านายเป็นเพื่อน

            เฟซบุ๊กเป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่มอบความบันเทิงและผ่อนคลายให้กับผู้ใช้งาน แต่ถ้าคุณมีเพื่อนบนเฟซบุ๊กเป็นเจ้านายแล้วละก็ รับรองว่าหายนะมาเยือนแน่ เขาหรือเธอสามารถรู้ทุกอย่างผ่านหน้าไทม์ไลน์ของคุณ รวมไปถึงสเตตัสบ่นโหยหวนกับความน่าเบื่อของงานที่ทำด้วย ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้เฟซบุ๊กจะมีฟังก์ชั่นขณะอัพเดทสเตตัสโดยให้เลือกว่าจะให้ ใครเห็นหรือไม่เห็นได้บ้าง แต่ยอมรับเถอะว่า ไม่รับแอดเจ้านายแต่แรกน่ะง่ายกว่าเยอะ

8. เลิกเช็กอินได้แล้ว

            เลิกเช็กอินในทุก ๆ ที่ที่คุณไป เหตุผลเดียวกับการปิด Location services นั่นแหละ แต่วิธีนี้ทำให้มิจฉาชีพติดตามตัวคุณง่ายกว่าเยอะ โดยเฉพาะการเช็คอินที่บ้านของตัวเอง (เพื่ออะไร ?) เป็นการชี้โพรงให้คนร้ายได้อย่างดีเลยนะ

9. เลิกบอกว่าจะไปเที่ยวที่ไหน

            นอกจากจะเสี่ยงอันตรายจากพวกโรคจิตชอบแอบย่องตามแล้ว ยังมีเรื่องที่เว็บไซต์ This is Money เคยเปิดเผยว่า บริษัทประกันภัยมีสิทธิ์ที่จะไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทน ในกรณีที่ผู้ประกันตนถูกจี้ ปล้น หรือทำร้ายร่างกายเพื่อชิงทรัพย์ ขณะท่องเที่ยวออกทริป เพราะพวกเขาดันโพสต์ลงในโลกโซเชียลว่ากำลังใช้วันหยุดแสนสุขอยู่ที่ไหน

10. ความสัมพันธ์ของคุณกับคนรู้ใจ

            อันนี้ไม่เกี่ยวกับความปลอดภัยจากมิจฉาชีพ แต่เกี่ยวกับความรู้สึกลึก ๆ ในใจ ถ้าคุณบังเอิญพบรักครั้งใหม่แล้วอยากจะฉลองว่า ฉันมีแฟนแล้วจ้า พร้อมเปลี่ยนสถานะเป็นคนมีแฟนแล้วล่ะก็ ขอบอกว่าอย่าทำเลย เพราะหากรักนี้จบลงด้วยความไม่เข้าใจ การเปลี่ยนสถานะจาก มีแฟนแล้ว กลับมาเป็น โสดสนิท อาจทำร้ายจิตใจคุณได้พอสมควร ฉะนั้นเชื่อเถอะว่า ปล่อยให้สถานะเป็น โสด ต่อไปอย่างนั้นน่ะ ดีกว่าเยอะ

11. รายละเอียดเกี่ยวกับบัตรเครดิต

            คงไม่ต้องอธิบายมากว่าทำไมจึงไม่ควรทำแบบนี้ ไม่ใช่เพื่อนทุกคนที่จะหวังดีรีบมาบอกคุณว่า เฮ้ ! ลบออกจากเฟซบุ๊กซะ มันอันตรายนะ ใช่ไหมล่ะ ?

ภาพจาก PDPics / Pixabay, mikegi / Pixabay, theverge
http://fbguide.kapook.com/view151859.html
เครดิตภาพ   http://fbguide.kapook.com/view151859.html

No comments:

Post a Comment