ทุกอย่างต่างก็มีเวลาในตัวเองไม่เว้น แม้แต่ความรัก
สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามันจะหมดอายุเมื่อไหร่ ในขณะที่บางส่วนก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ
เพราะไม่อยากให้ความรักครั้งนี้จบลง ซึ่งสุดท้ายแล้วยิ่งยื้อกันต่อไปก็มีแต่เจ็บเปล่า
คงจะดีกว่าหากบอกลากันตั้งแต่ยังเหลือความรู้สึกดี ๆ หลงเหลืออยู่บ้าง โดยเฉพาะถ้าหากในช่วงนี้คุณรู้สึกเฉยชากับทุกสิ่งที่เขาทำให้
ต้องแกล้งทำเป็นสนใจทั้งที่จริงแล้วกลับรู้สึกรำคาญเสียมากกว่า หรือในทางกลับกันเขาหมดเวลาไปกันเรื่องอื่น
ๆ มากกว่าเลือกอยู่กับคุณ โดนโกรธแบบไม่มีสาเหตุ และอาการที่เขาแสดงออกมาเหล่านี้
1. อยู่ด้วยกันแต่เหมือนไม่มีตัวตน
เวลาก็ผ่านมาสักระยะหนึ่งแล้วที่คุณรู้สึกว่า คุณกลายเป็นธาตุอากาศที่ไม่มีตัวตนสำหรับเขา ส่วนโทรศัพท์ที่เคยหยิบขึ้นมาพูดคุยกันทุกวัน มาตอนนี้ก็มีเสียงเรียกเข้าเรื่องงาน จากกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัวเท่านั้น และบ่อยครั้งที่เขามักจะสนุกจนลืมคุณ โดยใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงาน หรือไม่ก็ออกไปแฮงก์เอาท์กับเพื่อน ๆ เมื่อเจอกับเหตุการณ์แบบนี้คนส่วนใหญ่มักจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า ช่วงนี้ชีวิตของเขาคงกำลังวุ่นวาย ทำงานหนัก หรือเครียด เลยต้องการที่ระบาย และหลังจากที่เขาส่งข้อความมาเพียงคำสั้น ๆ ความโกรธเคืองในใจก็มลายหายไปทันที แล้วทุกอย่างก็เข้าสู่วงจรเดิม ๆ ต่อไปไม่รู้จบ ทั้งที่จริงนี่เป็นสัญญาณอันตรายว่าความรักของคุณหมดอายุไปแล้ว และถ้าหากเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ก็คงถึงเวลาแล้วที่คุณจะยอมรับความจริงเสียที ลองถามความรู้สึกคนรักตรง ๆ จะได้หายข้องใจกันเสียทีว่าความรักของคุณหมดอายุแล้วจริง ๆ หรือคุณแค่คิดไปเอง
2. เรื่องชีวิตคู่ไม่เคยอยู่ในความคิด
หลายครั้งที่คุณพยายามจะวางแผนทริปเดินทางสุดโรแมนติก เพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แต่กลับโดนเขาปฏิเสธ หรือคุณกำลังจะชวนเขาไปงานแต่งงานของเพื่อน แต่เขารีบตอบกลับมาว่าเขามีสิ่งที่ต้องทำในวันนั้นแล้วทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้เช็คตารางนัดของเขาเลยสักนิด นอกจากนี้ ถึงแม้จะเป็นปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่เพื่อน ๆ กับคุณจัดขึ้นมา เขาก็อิดออดไม่อยากไป และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายที่เขาแสดงให้เห็นว่าไม่อยากจะไปไหนมาไหนกับคุณ การกระทำเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนสำคัญที่เขากำลังแสดงให้คุณรู้ว่า ความรู้สึกของเขาที่มีต่อคุณไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว และตอนนี้ความรักของพวกคุณกำลังหมดอายุแล้วก็ได้ ที่สำคัญการที่เขาไม่มีภาพชีวิตคู่หรือไม่เคยพูดถึงเรื่องอนาคตที่จะมีร่วมกันเลย ก็อาจจะดีกว่าหากต่างฝ่ายต่างถอยออกมาแล้วถามความรู้สึกตัวเองว่า ความรักครั้งนี้ควรพัฒนาต่อไปหรือแยกย้ายกันไปคนละทางดี
3. เขาทำตัวเหมือนคนโสด
ระยะหลังมานี้เขามักจะทำตามใจตัวเอง ไปในที่ที่เขาอยากไป หรือออกไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนโดยไม่เคยมีคุณอยู่ในแผนเหล่านั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในขณะเดียวกันตัวคุณเองก็ต้องออกไปไหนมาไหนคนเดียวมากขึ้น บ่อยครั้งที่ทำให้รู้สึกเหงา ทั้ง ๆ ที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ และส่วนมากก็มักจะโทรศัพท์หาคุณตอนกำลังที่มีปัญหา หรือเวลาที่คนส่วนใหญ่ไม่โทรศัพท์กันแล้ว เพียงแค่นี้ก็มากพอที่จะทำให้คุณจำเป็นต้องทบทวนความสัมพันธ์กันใหม่ ว่าคุณเลือกที่จะพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง หรือมองหาหนุ่มคนใหม่ คนที่จะทำให้คุณเจอกับความรักที่มีความสุขมากกว่านี้
4. คุณกลายเป็นเจ้าแม่ดราม่า
ความสัมพันธ์ของพวกคุณเหมือนสนามรบที่มีอารมณ์เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ ทุกครั้งที่พูดคุยกันจะต้องมีการประชดประชัน เสียดสีกันเป็นประจำ หรือทำหน้าบึ้งตึงให้เห็นกันตลอด นอกจากนี้ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะผิดไปหมดเสียทุกอย่าง แม้คุณจะทำทุกอย่างเหมือนเดิมตามนิสัยของคุณก็ตาม และสุดท้ายก่อนจากกันก็ต้องจบด้วยการทะเลาะหรือร้องไห้ทุกครั้ง จนเพื่อน ๆ ของคุณทักว่าช่วงนี้คุณกลายเป็นเจ้าแม่ดราม่าไปแล้ว อ๊ะ ๆ ให้ระวังตัวเอาไว้เลย เพราะตอนนี้เขากำลังผลักคุณออกจากชีวิตของเขา ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้อาจจะดีกว่าหากคุณเป็นฝ่ายเดินออกมาเอง
5. ไม่สามารถเชื่อใจเขาได้อีกแล้ว
นับวันเขายิ่งทำตัวลึกลับมากขึ้นเรื่อย ๆ และเซนส์ของคุณเองก็คอยกระซิบบอกกับคุณอยู่ตลอดเวลาว่าความรักครั้งนี้คงเดินต่อไปได้อีกไม่ไกล อีกทั้งตอนนี้ไม่เคยเดินจับมือกันเหมือนก่อน นับวันความรู้สึกต่างคนต่างก็เย็นชาเมินเฉยใส่กันทุกวัน บ่อยครั้งที่เขาจีบหรือชมผู้หญิงคนอื่นจนออกนอกหน้า ดูไม่เกรงใจคุณสักนิด ที่สำคัญการกระทำของเขาทำให้คุณไม่สามารถเชื่อใจเขาได้อีกต่อไป เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่า ความสัมพันธ์ของพวกคุณกำลังมีปัญหา ซึ่งพวกคุณทั้ง 2 คนน่าจะมีชีวิตที่มีความสุขมากกว่าหากจะลากันไป เพื่อเจอคนที่ดีกว่าจริง ๆ
6. เขาไม่ใช่คนเดียวกับที่คุณเคยเจอ และคุณเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นผู้ชายหวาน โรแมนติก และเข้ากันได้ดีกับครอบครัวของคุณ ส่วนคุณเองก็รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ทุกครั้งที่ได้เจอกับเขา อีกทั้งยังเป็นคู่รักที่ทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกอิจฉาในความรักได้ตลอด แต่ตอนนี้พวกคุณทั้งคู่ต่างรู้สึกเหนื่อยหน่าย ต่างคนต่างก็ต้องการให้อีกฝ่ายทำสิ่งที่ตัวเองต้องการมากขึ้น แต่สุดท้ายก็พบว่า ไม่ว่าอีกฝ่ายจะปรับเปลี่ยนตามความต้องการแล้ว ก็ไม่สามารถเติมเต็มความรู้สึกของกันและกันได้ อีกทั้งนับวันการพูดคุยก็กลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกวัน ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานาเหล่านี้ทำให้คุณรู้แล้วว่า ตอนนี้คุณกับเขามีเป้าหมายและอนาคตที่แตกต่างกัน จนทำให้ชีวิตในทุก ๆ วันไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย หากเป็นเช่นนี้การเดินจากมาก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยเลย
7. ไม่มีใครฟังใครอีกแล้ว
นอกจากเขาจะชอบทำตามใจตัวเอง ยังไม่สนใจคุณอีกด้วย ไม่ว่าคุณจะไปทำอะไร ที่ไหน กับใคร เมื่อไหร่ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป ในขณะเดียวกันคุณเองก็เริ่มไม่สนใจเรื่องราวของเขาอีกต่อไปแล้วเช่นกัน ทุก ๆ วันเหมือนใช้ชีวิตอยู่ในฝันร้าย และบ่อยครั้งที่หัวใจของคุณบอกว่าควรจะพอเสียที จากนี้ก็ควรเชื่อหัวใจของตัวเองและทำตามบ้าง ก่อนที่เขาจะทำให้คุณรู้สึกหมดคุณค่า และไม่มีกำลังใจที่เดินต่อไป
หากคุณเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้ ลองทบทวนเรื่องต่าง ๆ และอาจจะถามจากคนรักของคุณดูแล้ว พบว่า ความรักของพวกคุณหมดอายุลงจนไม่สามารถจะยื้อคนรักเอาไว้ข้างกายได้อีกต่อไป การถอยออกมาน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะถ้าหากยื้อต่อไปต่างคนต่างก็ไม่มีความสุขด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ที่สำคัญสุดท้ายแล้วอาจจะไม่เหลือความทรงจำดี ๆ เอาไว้ให้จำอีกเลยก็ได้
1. อยู่ด้วยกันแต่เหมือนไม่มีตัวตน
เวลาก็ผ่านมาสักระยะหนึ่งแล้วที่คุณรู้สึกว่า คุณกลายเป็นธาตุอากาศที่ไม่มีตัวตนสำหรับเขา ส่วนโทรศัพท์ที่เคยหยิบขึ้นมาพูดคุยกันทุกวัน มาตอนนี้ก็มีเสียงเรียกเข้าเรื่องงาน จากกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัวเท่านั้น และบ่อยครั้งที่เขามักจะสนุกจนลืมคุณ โดยใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงาน หรือไม่ก็ออกไปแฮงก์เอาท์กับเพื่อน ๆ เมื่อเจอกับเหตุการณ์แบบนี้คนส่วนใหญ่มักจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า ช่วงนี้ชีวิตของเขาคงกำลังวุ่นวาย ทำงานหนัก หรือเครียด เลยต้องการที่ระบาย และหลังจากที่เขาส่งข้อความมาเพียงคำสั้น ๆ ความโกรธเคืองในใจก็มลายหายไปทันที แล้วทุกอย่างก็เข้าสู่วงจรเดิม ๆ ต่อไปไม่รู้จบ ทั้งที่จริงนี่เป็นสัญญาณอันตรายว่าความรักของคุณหมดอายุไปแล้ว และถ้าหากเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ก็คงถึงเวลาแล้วที่คุณจะยอมรับความจริงเสียที ลองถามความรู้สึกคนรักตรง ๆ จะได้หายข้องใจกันเสียทีว่าความรักของคุณหมดอายุแล้วจริง ๆ หรือคุณแค่คิดไปเอง
2. เรื่องชีวิตคู่ไม่เคยอยู่ในความคิด
หลายครั้งที่คุณพยายามจะวางแผนทริปเดินทางสุดโรแมนติก เพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แต่กลับโดนเขาปฏิเสธ หรือคุณกำลังจะชวนเขาไปงานแต่งงานของเพื่อน แต่เขารีบตอบกลับมาว่าเขามีสิ่งที่ต้องทำในวันนั้นแล้วทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้เช็คตารางนัดของเขาเลยสักนิด นอกจากนี้ ถึงแม้จะเป็นปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่เพื่อน ๆ กับคุณจัดขึ้นมา เขาก็อิดออดไม่อยากไป และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายที่เขาแสดงให้เห็นว่าไม่อยากจะไปไหนมาไหนกับคุณ การกระทำเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนสำคัญที่เขากำลังแสดงให้คุณรู้ว่า ความรู้สึกของเขาที่มีต่อคุณไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว และตอนนี้ความรักของพวกคุณกำลังหมดอายุแล้วก็ได้ ที่สำคัญการที่เขาไม่มีภาพชีวิตคู่หรือไม่เคยพูดถึงเรื่องอนาคตที่จะมีร่วมกันเลย ก็อาจจะดีกว่าหากต่างฝ่ายต่างถอยออกมาแล้วถามความรู้สึกตัวเองว่า ความรักครั้งนี้ควรพัฒนาต่อไปหรือแยกย้ายกันไปคนละทางดี
3. เขาทำตัวเหมือนคนโสด
ระยะหลังมานี้เขามักจะทำตามใจตัวเอง ไปในที่ที่เขาอยากไป หรือออกไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนโดยไม่เคยมีคุณอยู่ในแผนเหล่านั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในขณะเดียวกันตัวคุณเองก็ต้องออกไปไหนมาไหนคนเดียวมากขึ้น บ่อยครั้งที่ทำให้รู้สึกเหงา ทั้ง ๆ ที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ และส่วนมากก็มักจะโทรศัพท์หาคุณตอนกำลังที่มีปัญหา หรือเวลาที่คนส่วนใหญ่ไม่โทรศัพท์กันแล้ว เพียงแค่นี้ก็มากพอที่จะทำให้คุณจำเป็นต้องทบทวนความสัมพันธ์กันใหม่ ว่าคุณเลือกที่จะพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง หรือมองหาหนุ่มคนใหม่ คนที่จะทำให้คุณเจอกับความรักที่มีความสุขมากกว่านี้
4. คุณกลายเป็นเจ้าแม่ดราม่า
ความสัมพันธ์ของพวกคุณเหมือนสนามรบที่มีอารมณ์เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ ทุกครั้งที่พูดคุยกันจะต้องมีการประชดประชัน เสียดสีกันเป็นประจำ หรือทำหน้าบึ้งตึงให้เห็นกันตลอด นอกจากนี้ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะผิดไปหมดเสียทุกอย่าง แม้คุณจะทำทุกอย่างเหมือนเดิมตามนิสัยของคุณก็ตาม และสุดท้ายก่อนจากกันก็ต้องจบด้วยการทะเลาะหรือร้องไห้ทุกครั้ง จนเพื่อน ๆ ของคุณทักว่าช่วงนี้คุณกลายเป็นเจ้าแม่ดราม่าไปแล้ว อ๊ะ ๆ ให้ระวังตัวเอาไว้เลย เพราะตอนนี้เขากำลังผลักคุณออกจากชีวิตของเขา ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้อาจจะดีกว่าหากคุณเป็นฝ่ายเดินออกมาเอง
5. ไม่สามารถเชื่อใจเขาได้อีกแล้ว
นับวันเขายิ่งทำตัวลึกลับมากขึ้นเรื่อย ๆ และเซนส์ของคุณเองก็คอยกระซิบบอกกับคุณอยู่ตลอดเวลาว่าความรักครั้งนี้คงเดินต่อไปได้อีกไม่ไกล อีกทั้งตอนนี้ไม่เคยเดินจับมือกันเหมือนก่อน นับวันความรู้สึกต่างคนต่างก็เย็นชาเมินเฉยใส่กันทุกวัน บ่อยครั้งที่เขาจีบหรือชมผู้หญิงคนอื่นจนออกนอกหน้า ดูไม่เกรงใจคุณสักนิด ที่สำคัญการกระทำของเขาทำให้คุณไม่สามารถเชื่อใจเขาได้อีกต่อไป เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่า ความสัมพันธ์ของพวกคุณกำลังมีปัญหา ซึ่งพวกคุณทั้ง 2 คนน่าจะมีชีวิตที่มีความสุขมากกว่าหากจะลากันไป เพื่อเจอคนที่ดีกว่าจริง ๆ
6. เขาไม่ใช่คนเดียวกับที่คุณเคยเจอ และคุณเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นผู้ชายหวาน โรแมนติก และเข้ากันได้ดีกับครอบครัวของคุณ ส่วนคุณเองก็รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ทุกครั้งที่ได้เจอกับเขา อีกทั้งยังเป็นคู่รักที่ทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกอิจฉาในความรักได้ตลอด แต่ตอนนี้พวกคุณทั้งคู่ต่างรู้สึกเหนื่อยหน่าย ต่างคนต่างก็ต้องการให้อีกฝ่ายทำสิ่งที่ตัวเองต้องการมากขึ้น แต่สุดท้ายก็พบว่า ไม่ว่าอีกฝ่ายจะปรับเปลี่ยนตามความต้องการแล้ว ก็ไม่สามารถเติมเต็มความรู้สึกของกันและกันได้ อีกทั้งนับวันการพูดคุยก็กลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกวัน ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานาเหล่านี้ทำให้คุณรู้แล้วว่า ตอนนี้คุณกับเขามีเป้าหมายและอนาคตที่แตกต่างกัน จนทำให้ชีวิตในทุก ๆ วันไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย หากเป็นเช่นนี้การเดินจากมาก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยเลย
7. ไม่มีใครฟังใครอีกแล้ว
นอกจากเขาจะชอบทำตามใจตัวเอง ยังไม่สนใจคุณอีกด้วย ไม่ว่าคุณจะไปทำอะไร ที่ไหน กับใคร เมื่อไหร่ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป ในขณะเดียวกันคุณเองก็เริ่มไม่สนใจเรื่องราวของเขาอีกต่อไปแล้วเช่นกัน ทุก ๆ วันเหมือนใช้ชีวิตอยู่ในฝันร้าย และบ่อยครั้งที่หัวใจของคุณบอกว่าควรจะพอเสียที จากนี้ก็ควรเชื่อหัวใจของตัวเองและทำตามบ้าง ก่อนที่เขาจะทำให้คุณรู้สึกหมดคุณค่า และไม่มีกำลังใจที่เดินต่อไป
หากคุณเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้ ลองทบทวนเรื่องต่าง ๆ และอาจจะถามจากคนรักของคุณดูแล้ว พบว่า ความรักของพวกคุณหมดอายุลงจนไม่สามารถจะยื้อคนรักเอาไว้ข้างกายได้อีกต่อไป การถอยออกมาน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะถ้าหากยื้อต่อไปต่างคนต่างก็ไม่มีความสุขด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ที่สำคัญสุดท้ายแล้วอาจจะไม่เหลือความทรงจำดี ๆ เอาไว้ให้จำอีกเลยก็ได้
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment