Wednesday, October 15, 2014

11 คู่หูใกล้ตัว จับคู่ไว้ได้สุขภาพดีแบบคูณสอง




เผย 10 คู่หูสุขภาพที่อยู่ใกล้ตัว ถ้าอยากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงละก็ ลองจับคู่สิ่งต่อไปนี้เอาไว้ด้วยกันสิจ๊ะ

          เพื่อสุขภาพที่ดี หลาย ๆ คน ก็คงจะมองหาวิธีที่จะทำให้มีร่างกายแข็งแรงหลีกไกลจากปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้ ซึ่งเคล็ดลับเหล่านั้นก็ง่ายและใกล้ตัวกว่าที่เราคิด วันนี้กระปุกดอทคอมขออาสาพาทุก ๆ ท่านไปพบกับคู่หูเพื่อสุขภาพดี ๆ ที่เว็บไซต์ prevention.com นำมาบอกเล่าให้ฟังกัน ไปดูกันเลยว่ามีอะไรที่จับคู่กันแล้วมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราบ้าง

1. ชาเขียว + เลมอน = ช่วยปกป้องหัวใจ

          มีการศึกษากับชาวญี่ปุ่นมากกว่า 40,500 คน ทั้งผู้ชายและผู้หญิงพบว่า ผู้ที่ดื่มชาเขียวทุกวัน วันละ 5 แก้วขึ้นไปจะช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ นักวิจัยเชื่อว่าเกิดจากสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังอย่างแคทีชิน (catechin) ที่อยู่ในชาเขียวซึ่งทำหน้าที่ป้องกันหัวใจนั่นเอง

          นอกจากนี้ การศึกษาจากมหาวิทยาลัยเพอร์ดูในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า การบีบน้ำเลมอนใส่ลงไปในชาเขียวจะช่วยทำให้ร่างกายดูดซึมสารแคทีชิน (catechin) ได้ดีขึ้นถึง 13 เท่า แต่ถ้าหากหาเลมอนไม่ได้ ก็ลองหาน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง อย่างเช่นส้ม มะนาว หรือเกรฟรุต มาใส่ลงในชาร้อนหรือชาเย็นก็ได้ค่ะ และหลีกเลี่ยงชาพร้อมดื่มนะคะเพราะนอกจากจะมีสารแคทีชิน (catechin) น้อยมากแล้ว ยังมีน้ำตาลสูงอีกด้วย


2. ออกกำลังกาย + ฟังเพลง = เพิ่มพลังให้สมอง

          มีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอพบว่าการออกกำลังกายเป็นเวลา 21 นาที สามารถทำให้ผู้ป่วยที่ต้องฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจอารมณ์ดีขึ้นได้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อให้ผู้ป่วยฟังเพลงคลาสสิกในขณะที่ออกกำลังกาย ไปด้วย พบว่าผู้ป่วยมีการพัฒนาทางด้านการพูดรวดเร็วขึ้น นักวิจัยจึงเชื่อว่า การออกกำลังกายช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้โดยการกระตุ้นระบบประสาท ส่วนกลาง และการฟังเพลงไปด้วยนั้นก็ทำให้สมองจัดระเบียบความคิดได้ดีขึ้น แต่การวิจัยนี้ก็ยังไม่ยืนยันว่าเพลงทุกประเภทจะสามารถช่วยได้หรือไม่ เพียงแต่แนะนำว่าการใช้เพลงคลาสสิกจะให้ผลดีมากที่สุด

3. เนื้ออบ + แครอท = ช่วงเร่งระบบภูมิคุ้มกัน

          เนื้ออบ อาจเป็นเมนูโปรดสำหรับใครหลาย ๆ คน การใส่แครอทลงไปในหม้อเนื้ออบ นอกจากจะทำให้อาหารดูน่ารับประทานมากขึ้นแล้วยังช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น เพราะแครอทมีวิตามินเอที่เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกัน และร่างกายนั้นจะดูดซึ่มวิตามินเอได้ก็ต้องใช้แร่ธาตุอย่างสังกะสีที่อยู่ใน เนื้อสัตว์ช่วยในการดูดซึ่ม ทำให้เราได้รับประโยชน์จากแครอทเต็มที่

          นอกจากนี้ คะน้า ผักโขม ฟักทอง และผักตำลึง ยังเป็นผักที่มีวิตามินเอสูงที่สามารถนำมาทานกับเนื้อสัตว์ที่มีสังกะสีได้ และรับรองว่าได้ประโยชน์อย่างเต็มที่แน่นอนเลย ใครที่ป่วยบ่อยคราวหน้าอย่าลืมหาผักที่มีวิตามินเอมาทานคู่กับเนื้อสัตว์นะ

4. แฮมเบอร์เกอร์ + โยเกิร์ต = ช่วยล้างไขมัน

          เมื่อคุณรับประทานที่มีอาหารไขมันอิ่มตัวสูง ก็อย่าลืมรับประทานของหวานที่มีแคลเซียมสูงอย่างเช่น โยเกิร์ต ตามไปด้วยนะคะ เพราะแคลเซียมจากของหวานเหล่านั้นจะไปทำหน้าที่จัดการกับไขมันอิ่มตัวในระบบ ทางเดินอาหารโดยการขัดขวางไม่ให้ร่างกายดูดซึมไขมันเหล่านั้น โดยการศึกษาหนึ่งพบว่าผู้ที่รับประทานแคลเซียมจากผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม 1,735 มิลลิกรัม หรือเทียบเท่ากับนมไม่มีไขมัน 5 แก้ว สามารถบล็อกไขมันได้ถึง 85 แคลอรี่ต่อวัน

5. สลัดผัก + อะโวคาโด =  บำรุงสายตา

          ผักโขม แครอท ผักกาดหอม เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพดวงตา และมีงานวิจัยจากนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยรัฐโอไฮโอบอกว่าการรับประทานอะโวคา โดร่วมกับผักเหล่านี้เพียง 3 ช้อนโต๊ะ จะช่วยทำให้เราได้ประโยชน์จากผักโขมมากยิ่งขึ้น เพราะจะทำให้ร่างกายดูดซึมอัลฟาแคโรทีนในผักเหล่านั้นได้มากขึ้นถึง 8.3 เท่า ดูดซึมเบต้าแคโรทีนได้มากขึ้น 11.3 เท่า ดูดซึมลูทีนได้มาขึ้นกว่า 4.3 เท่า เมื่อเทียบกับการรับประทานผักเหล่านี้กับผลไม้ชนิดอื่น ๆ

          ทั้งนี้นักวิจัยก็เชื่อว่าเป็นเพราะไขมันดีในอะโวคาโดจะช่วยเพิ่มการดูดซึม ของสารอาหารจำพวกแคโรทีนอยด์ที่ละลายในไขมัน ซึ่งแคโรทีนอยด์เป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจกอีกด้วย อย่างไรก็ตามอะโวคาโดมีแคลอรี่สูง ดังนั้นควรรับประทานให้พอเหมาะนะคะ

6. การฝึกกล้ามเนื้อ (Strength Training) + การยืดกล้ามเนื้อ = การสร้างกล้ามเนื้อ

          การเล่นเวทเทรนนิ่งเป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกายให้แข็งแรง และการยืดกล้ามเนื้อก็เป็นวิธีที่จะทำให้กล้ามเนื้อของเราแข็งแรงขึ้นเร็ว กว่าเดิมโดยแค่เพียงยืดกล้ามเนื้อหลังจากการเวทเทรนนิ่งประมาณ 10-30 วินาทีเป็นประจำ โดยพบว่าผู้ที่ยืดกล้ามเนื้อไปด้วยระหว่างการเล่นเวทเทรนนิ่งและผูู้ที่ยืด กล้ามเนื้อทันทีหลังจากเล่นเวทเทรนนิ่งจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากกว่าผู้ ที่เล่นแค่เพียงเวทเทรนนิ่งเพียงอย่างเดียวถึง 20%

7. อาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน + ถั่วเปลือกแข็ง = หลีกเลี่ยงโรคอ้วนลงพุง

          อาหารสไตล์เมดิเตอเรเนียนที่ส่วนใหญ่มักประกอบด้วย ผลไม้ ผัก ถั่ว ปลา น้ำมันมะกอก และธัญพืช มีประโยชน์มากมาย ตั้งแต่ช่วยลดน้ำหนักไปจนถึงลดความเสี่ยงโรคพาร์กินสันหรือโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาอ้วนลงพุง ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอื่น ๆ เช่น คอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง

          โดยมีการศึกษาพบว่าผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจสูงมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรค แทรกซ้อนน้อยลง เมื่อรับประทานอาหารที่เพิ่มถั่วลงไป 30 กรัม นอกจากนี้ยังลดภาวะอ้วนลงพุงลงได้ 14% ภายในเวลาเพียง 1 ปี นักวิจัยเชื่อว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าผู้ป่วยได้รับไฟเบอร์ โพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม และไขมันโอเมก้า 3 ที่อยู่ในถั่วเปลือกแข็งซึ่งสารอาหารเหล่านี้ได้ไปจัดการกับอินซูลิน ความดันโลหิต และอาการอักเสบต่าง ๆ ให้เข้าสู่ภาวะปกติได้

8. ไข่ + น้ำส้ม = ลดอาการอ่อนเพลีย

          ถ้าคุณไม่ชอบรับประทานเนื้อสักเท่าไร คุณอาจรู้สึกอ่อนเพลียได้ เนื่องจากได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ เพราะคนเราจะดูดซึมธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์สีแดงเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ทว่าผัก ถั่ว และไข่ที่คุณทานมีธาตุเหล็กเพียง 2-20% เท่านั้น ดังนั้นเพื่อให้ได้รับธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นจึงควรรับประทานวิตามินซีด้วย เพราะการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กควบคู่กับอาหารที่มีวิตามินซีสูงก็ ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้นถึง 6 เท่า นั่นก็แปลว่าคุณสามารถได้รับธาตุเหล็กจากอาหารอย่างเต็มที่ซึ่งจะช่วยทำให้ คุณไม่อ่อนเพลีย และเป็นโลหิตจาง หาทานวิตามินซีได้จากผลไม้ต่าง ๆ เช่น ส้ม ฝรั่ง

9. ขมิ้น + พริกไทยดำ = รักษาโรคอัลไซเมอร์ได้

          ขมิ้นเป็นสมุนไพรที่นอกจากจะมีคุณสมบัติในการต่อต้านมะเร็งแล้ว ยังช่วยรักษาโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย เพราะการศึกษาล่าสุดพบว่า ผู้ป่วยที่รับประทานขมิ้นเป็นอาหารเสริมหรือรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบ ของขมิ้นสามารถลดการก่อตัวของหินปูนในสมอง แต่ขมิ้นนั้นร่างกายดูดซึมได้ยากจึงต้องผสมกับพริกไทยดำจึงจะสามารถทำให้ ร่างกายดูดซึมสารเคมีที่อยู่ในขมิ้นได้ถึง 2,000% โดยมีการแนะนำว่าควรรับประทานขมิ้นอย่างน้อยวันละ 1/2 ช้อนชาเพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ค่ะ

10. คาเฟอีน + การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ = หลีกเลี่ยงมะเร็งผิวหนัง

          มีการวิจัยพบว่าคาเฟอีนและการออกกำลังกายมีคุณสมบัติในการต่อต้านมะเร็งทั้ง คู่ และถ้าหากยิ่งนำมาผสมผสานกันจะยิ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็งผิวหนังได้อย่างดี เยี่ยมเลยล่ะค่ะ ซึ่งการศึกษากับสัตว์พบว่าสัตว์ที่สัมผัสกับรังสียูวีบี เมื่อรับประทานคาเฟอีนและให้การออกกำลังกาย ร่างกายของสัตว์สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้มากขึ้นถึง 4 เท่า

          นอกจากนี้คาเฟอีนและการออกกำลังกายยังช่วยลดไขมันที่อยู่ในร่างกายลดลงได้ อีกด้วย ดังนั้นหากใครที่ชอบออกกำลังกาย หรือดื่มกาแฟเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ลองดื่มกาแฟเข้ม ๆ ก่อนออกกำลังกายสัก 1 ชั่วโมง การดื่มคาเฟอีนจะช่วยทำให้คุณเหนื่อยช้าลง และออกกำลังกายได้มากขึ้นอีกด้วย แต่ที่สำคัญอย่าลืมครีมทากันแดด และผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงก็ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟนะคะ

          เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อยที่นำมาฝากกัน เป็นเคล็ดลับที่ดีต่อสุขภาพทั้งนั้นเลย ยังไงก็ลองนำเอาไปใช้กันดูนะคะ แต่ก็ควรจะดูความเหมาะสมด้วยนะเออ และถ้าไม่มั่นใจว่าจะสามารถใช้เคล็ดลับเหล่านี้ได้ก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์ ก่อนจะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลังนะคะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

No comments:

Post a Comment