เมื่อต้องผิดหวังหรือช้ำใจกับความรักที่ผ่านพ้นมา
นอกจากความเจ็บปวดแล้วอย่าลืมว่ายังมีสิ่งดี ๆ ซ่อนอยู่ในความปวดร้าวครั้งนี้
นั่นก็คือ "บทเรียน" ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายบอกเลิกหรือถูกบอกเลิกก็ตาม หากวันนี้คุณยังคงปิดกั้นตัวเองและปล่อยให้อดีตทำให้คุณไม่ก้าวไปข้างหน้าเสียที เรามีคำแนะนำดี ๆ จากเว็บไซต์ womanitely
มาบอกเล่ากัน ถ้าพร้อมแล้ว...มาลุกขึ้นเริ่มใหม่ไปพร้อม ๆ กันเลย
1. ทุกคนต้องการช่องว่าง
อีกหนึ่งสาเหตุที่จะทำให้คุณลืมอดีตไม่ได้ ก็คือ การทำตัวติดกับคนรักตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรก็ตาม เพราะเมื่อวันหนึ่งที่คุณกับเขาต้องเลิกรากัน คุณจะรู้สึกเคว้งคว้างและขาดที่พึ่งในชีวิตและคิดวนเวียนอยู่กับอดีต จะดีกว่าไหมหากว่าคุณและเขาให้เวลาและพื้นที่ส่วนตัวแก่กันและกัน ในการทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ นอกจากระยะห่างดังกล่าวจะเป็นบททดสอบความมั่นคงของคุณทั้งคู่แล้ว หากวันใดวันหนึ่งที่ต้องเลิกราหรือขาดคนใดคนหนึ่งไป คุณเองจะก็จะสามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง และแน่นอนว่ามันจะทำให้คุณเริ่มต้นใหม่ได้เร็วกว่าคนที่เอาชีวิตไปผูกติดกับคนอื่น
2. เซ็กส์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเซ็กส์เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกครั้งหรอกที่คุณต้องกระชับความสัมพันธ์ด้วยการมีเซ็กส์ เพราะการที่คุณได้ใช้เวลาหรือร่วมทุกข์ร่วมสุขกันก็เป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการกระชับรักให้มั่นคงขึ้น โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ใช้เซ็กส์เพื่อหวังหรือยื้อให้เขาอยู่ต่อละก็ ขอบอกเลยว่ามันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเลย เพราะนอกจากคุณจะดูไร้ค่าสำหรับเขาแล้ว มันยังบ่งบอกว่าคุณไม่เคารพในศักดิ์ศรีของตัวเองแบบเต็ม ๆ เลย อย่าลืมว่ารักแท้พิสูจน์ได้หลายทางโดยปราศจากการมีเซ็กส์ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม
3. รักไม่ใช่การครอบครอง
รู้หรือไม่ว่าการหึงหวงแต่พองามนั้น เป็นอีกวิธีที่จะช่วยกระชับความรักให้มั่นคงยิ่งขึ้น เพราะมันเป็นการบ่งบอกว่าคุณยังรักเขาหรือเธออยู่ แต่ในทางตรงกันข้ามการหึงหวงที่มากเกินไปอาจนำมาซึ่งความเบื่อหน่าย การทะเลาะ และอาจจบลงด้วยการแยกทาง เพราะไม่มีใครหรอกที่จะชอบให้คนรักวุ่นวายหรือก้าวก่ายไปซะทุกเรื่อง และถ้าหากว่าคุณหรือคนรักยังมีทีท่าว่าจะต้องรับรู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายในทุกฝีก้าวละก็ แบบนี้ยังไงก็ไปรอดนะ ดังนั้นควรมีขอบเขตและไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันจะดีกว่า
4. การเรียกร้องที่มากเกินไป
อีกหนึ่งสาเหตุของการเลิกรา คือ การเรียกร้องที่มากเกินไปของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จริงอยู่ที่คุณหรือคนรักอาจเจอเรื่องราวร้าย ๆ ในอดีต หรือมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์จนขาดความรักความอบอุ่น แต่การที่จะหวังให้คนรักมาเติมเต็มทุกสิ่งที่ขาดนั้นก็เป็นเรื่องไม่แฟร์ เพราะในขณะที่คุณเรียกร้องให้เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่คุณต้องการ ลองคิดดูสิว่าเวลานั้นเขาอาจมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ก็ได้ ดังนั้นหากว่าคุณรักกันจริงอย่าปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ให้หรือผู้รับเพียงฝ่ายเดียว แต่ควรที่จะเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับในขณะเดียวกันด้วย
5. ความรักที่มาพร้อมกับความกลัว
กลัวคนรักนอกใจ, กลัวต้องพลัดพรากจากคนรัก, กลัวไม่เป็นตัวของตัวเอง และอีกสารพัดความกลัวที่คุณสร้างขึ้นเอง นอกจากจะทำให้คุณไม่มีความสุขเพราะมัวแต่ระแวงและพะวงเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นแล้ว คุณยังทำให้คนรักเบื่อหน่ายอีกด้วย จำไว้ว่าในความรักนั้นไม่มีความกลัว ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคหรือปัญหาต่าง ๆ เพราะถ้าวันนี้คุณยังคงกลัวไปซะทุกเรื่อง คุณก็จะไม่มีเวลาตักตวงรับความสุขในปัจจุบันสักที
6. อย่าเปลี่ยนคนรักให้เป็นอย่างที่คุณต้องการ
ไม่มีใครทนอยู่กับคนที่ชอบพูดทำร้ายจิตใจหรือเปรียบเทียบเขาหรือเธอกับคนอื่น ๆ ได้หรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากวันนี้คุณยังพยายามทำให้เขาเป็นอย่างที่คุณต้องการ เช่น การแต่งตัว, ความชอบ หรือไลฟ์สไตล์อื่น ๆ อย่าลืมว่าตอนที่คุณชอบเขา คุณก็ชอบในแบบที่เขาเป็นตั้งแต่แรก ดังนั้นอย่าพยายามเปลี่ยนให้เขาเป็นอย่างที่คุณต้องการ เพราะคุณเองก็คงจะไม่ชอบเช่นกันหากเขาบอกให้คุณตัดผมสั้นหรือแต่งตัวสุดเซ็กซี่ในขณะที่คุณเป็นสาวขาลุย
7. อย่ายื้อเวลา
การปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความรัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากคุณพยายามปรับจูนแล้ว แต่ดูเหมือนยังมีเส้นบาง ๆ หรือมีบางสิ่งบางอย่างที่คุณและคนรักยังคงไม่เข้ากัน ทะเลาะกันซ้ำ ๆ ในเรื่องเดิม ๆ ด้วยเหตุผลที่ต่างคนต่างมี ลองทบทวนดี ๆ ว่ามันใช่หรือเปล่าที่คุณต้องมีปากเสียงกันทุกวัน ใช่หรือเปล่าที่คุณพยายามเปลี่ยนเป็นใครก็ไม่รู้เพื่อให้อีกฝ่ายพอใจ หรือมันใช่หรือเปล่าที่คุณต้องอดทนกับความไม่เข้ากันต่อไปเช่นนี้ ลองถอยออกมาแล้วดูว่าคุณยังต้องการกันจริง ๆ หรือไม่ ถ้าคำตอบคือใช่ คุณควรพูดคุยและบอกความต้องการของกันและกันให้อีกฝ่ายรับรู้ แต่ถ้าคำตอบคือไม่ อย่ายื้อเวลา เพราะนอกจากจะไม่ได้ทำให้คุณรักกันมากขึ้นแล้ว มันยังทำให้คุณต่างเสียความรู้สึกจนถึงขั้นเกลียดกันไปเลยก็ได้ อย่างน้อยที่สุดหากว่ามันสุดทางแล้วจริง ๆ ก็ลองลดสถานะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันดีกว่าจบแบบไม่สวยนะคะ
ไม่ว่าสาเหตุของการเลิกราคืออะไรก็ตาม แต่ไม่ควรจมปลักกับอดีตจนทำให้ต้องสูญเสียความสุขในปัจจุบัน และแม้ว่าความรักจะจบลงด้วยความปวดร้าวมากแค่ไหน อย่างน้อย ๆ สิ่งที่ได้มากกว่าน้ำตาและความเสียใจ ก็คือ บทเรียนสำคัญ ที่คุณต้องเรียนรู้เพื่อนำมาปรับใช้กับปัจจุบันและอนาคตให้ดีที่สุด
1. ทุกคนต้องการช่องว่าง
อีกหนึ่งสาเหตุที่จะทำให้คุณลืมอดีตไม่ได้ ก็คือ การทำตัวติดกับคนรักตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรก็ตาม เพราะเมื่อวันหนึ่งที่คุณกับเขาต้องเลิกรากัน คุณจะรู้สึกเคว้งคว้างและขาดที่พึ่งในชีวิตและคิดวนเวียนอยู่กับอดีต จะดีกว่าไหมหากว่าคุณและเขาให้เวลาและพื้นที่ส่วนตัวแก่กันและกัน ในการทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ นอกจากระยะห่างดังกล่าวจะเป็นบททดสอบความมั่นคงของคุณทั้งคู่แล้ว หากวันใดวันหนึ่งที่ต้องเลิกราหรือขาดคนใดคนหนึ่งไป คุณเองจะก็จะสามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง และแน่นอนว่ามันจะทำให้คุณเริ่มต้นใหม่ได้เร็วกว่าคนที่เอาชีวิตไปผูกติดกับคนอื่น
2. เซ็กส์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเซ็กส์เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกครั้งหรอกที่คุณต้องกระชับความสัมพันธ์ด้วยการมีเซ็กส์ เพราะการที่คุณได้ใช้เวลาหรือร่วมทุกข์ร่วมสุขกันก็เป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการกระชับรักให้มั่นคงขึ้น โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ใช้เซ็กส์เพื่อหวังหรือยื้อให้เขาอยู่ต่อละก็ ขอบอกเลยว่ามันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเลย เพราะนอกจากคุณจะดูไร้ค่าสำหรับเขาแล้ว มันยังบ่งบอกว่าคุณไม่เคารพในศักดิ์ศรีของตัวเองแบบเต็ม ๆ เลย อย่าลืมว่ารักแท้พิสูจน์ได้หลายทางโดยปราศจากการมีเซ็กส์ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม
3. รักไม่ใช่การครอบครอง
รู้หรือไม่ว่าการหึงหวงแต่พองามนั้น เป็นอีกวิธีที่จะช่วยกระชับความรักให้มั่นคงยิ่งขึ้น เพราะมันเป็นการบ่งบอกว่าคุณยังรักเขาหรือเธออยู่ แต่ในทางตรงกันข้ามการหึงหวงที่มากเกินไปอาจนำมาซึ่งความเบื่อหน่าย การทะเลาะ และอาจจบลงด้วยการแยกทาง เพราะไม่มีใครหรอกที่จะชอบให้คนรักวุ่นวายหรือก้าวก่ายไปซะทุกเรื่อง และถ้าหากว่าคุณหรือคนรักยังมีทีท่าว่าจะต้องรับรู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายในทุกฝีก้าวละก็ แบบนี้ยังไงก็ไปรอดนะ ดังนั้นควรมีขอบเขตและไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันจะดีกว่า
4. การเรียกร้องที่มากเกินไป
อีกหนึ่งสาเหตุของการเลิกรา คือ การเรียกร้องที่มากเกินไปของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จริงอยู่ที่คุณหรือคนรักอาจเจอเรื่องราวร้าย ๆ ในอดีต หรือมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์จนขาดความรักความอบอุ่น แต่การที่จะหวังให้คนรักมาเติมเต็มทุกสิ่งที่ขาดนั้นก็เป็นเรื่องไม่แฟร์ เพราะในขณะที่คุณเรียกร้องให้เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่คุณต้องการ ลองคิดดูสิว่าเวลานั้นเขาอาจมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ก็ได้ ดังนั้นหากว่าคุณรักกันจริงอย่าปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ให้หรือผู้รับเพียงฝ่ายเดียว แต่ควรที่จะเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับในขณะเดียวกันด้วย
5. ความรักที่มาพร้อมกับความกลัว
กลัวคนรักนอกใจ, กลัวต้องพลัดพรากจากคนรัก, กลัวไม่เป็นตัวของตัวเอง และอีกสารพัดความกลัวที่คุณสร้างขึ้นเอง นอกจากจะทำให้คุณไม่มีความสุขเพราะมัวแต่ระแวงและพะวงเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นแล้ว คุณยังทำให้คนรักเบื่อหน่ายอีกด้วย จำไว้ว่าในความรักนั้นไม่มีความกลัว ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคหรือปัญหาต่าง ๆ เพราะถ้าวันนี้คุณยังคงกลัวไปซะทุกเรื่อง คุณก็จะไม่มีเวลาตักตวงรับความสุขในปัจจุบันสักที
6. อย่าเปลี่ยนคนรักให้เป็นอย่างที่คุณต้องการ
ไม่มีใครทนอยู่กับคนที่ชอบพูดทำร้ายจิตใจหรือเปรียบเทียบเขาหรือเธอกับคนอื่น ๆ ได้หรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากวันนี้คุณยังพยายามทำให้เขาเป็นอย่างที่คุณต้องการ เช่น การแต่งตัว, ความชอบ หรือไลฟ์สไตล์อื่น ๆ อย่าลืมว่าตอนที่คุณชอบเขา คุณก็ชอบในแบบที่เขาเป็นตั้งแต่แรก ดังนั้นอย่าพยายามเปลี่ยนให้เขาเป็นอย่างที่คุณต้องการ เพราะคุณเองก็คงจะไม่ชอบเช่นกันหากเขาบอกให้คุณตัดผมสั้นหรือแต่งตัวสุดเซ็กซี่ในขณะที่คุณเป็นสาวขาลุย
7. อย่ายื้อเวลา
การปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความรัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากคุณพยายามปรับจูนแล้ว แต่ดูเหมือนยังมีเส้นบาง ๆ หรือมีบางสิ่งบางอย่างที่คุณและคนรักยังคงไม่เข้ากัน ทะเลาะกันซ้ำ ๆ ในเรื่องเดิม ๆ ด้วยเหตุผลที่ต่างคนต่างมี ลองทบทวนดี ๆ ว่ามันใช่หรือเปล่าที่คุณต้องมีปากเสียงกันทุกวัน ใช่หรือเปล่าที่คุณพยายามเปลี่ยนเป็นใครก็ไม่รู้เพื่อให้อีกฝ่ายพอใจ หรือมันใช่หรือเปล่าที่คุณต้องอดทนกับความไม่เข้ากันต่อไปเช่นนี้ ลองถอยออกมาแล้วดูว่าคุณยังต้องการกันจริง ๆ หรือไม่ ถ้าคำตอบคือใช่ คุณควรพูดคุยและบอกความต้องการของกันและกันให้อีกฝ่ายรับรู้ แต่ถ้าคำตอบคือไม่ อย่ายื้อเวลา เพราะนอกจากจะไม่ได้ทำให้คุณรักกันมากขึ้นแล้ว มันยังทำให้คุณต่างเสียความรู้สึกจนถึงขั้นเกลียดกันไปเลยก็ได้ อย่างน้อยที่สุดหากว่ามันสุดทางแล้วจริง ๆ ก็ลองลดสถานะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันดีกว่าจบแบบไม่สวยนะคะ
ไม่ว่าสาเหตุของการเลิกราคืออะไรก็ตาม แต่ไม่ควรจมปลักกับอดีตจนทำให้ต้องสูญเสียความสุขในปัจจุบัน และแม้ว่าความรักจะจบลงด้วยความปวดร้าวมากแค่ไหน อย่างน้อย ๆ สิ่งที่ได้มากกว่าน้ำตาและความเสียใจ ก็คือ บทเรียนสำคัญ ที่คุณต้องเรียนรู้เพื่อนำมาปรับใช้กับปัจจุบันและอนาคตให้ดีที่สุด
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment