Friday, January 30, 2015

9 เรื่องที่เหมือนธรรมดา แต่ทำให้คุณหน้าแก่ได้




          ผู้หญิงเราต่างระมัดระวังทุก ๆ เรื่่อง ๆ ที่จะทำลายผิวหน้า แล้วทำให้หน้าแก่ก่อนวัย ไม่ว่าจะต้องทาครีมทุกวัน ใช้ครีมกันแดด กางร่ม ฯลฯ แต่สาว ๆ จำนวนไม่น้อยก็เผลอมองข้ามเรื่องบางอย่างที่แสนจะใกล้ตัว แต่ทำร้ายผิวให้คุณดูแก่เกินวัยไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ กระปุกดอทคอมไม่อยากให้คุณหน้าแก่แบบไม่ทันตั้งตัว เลยนำ 9 เรื่องที่เหมือนธรรมดา แต่ทำให้หน้าคุณแก่ได้เหล่านี้ มาเตือนให้ระวังตัวกันค่ะ

   
1. ลูกอม ทอฟฟี่ ของหวานทั้งหลาย

          ผู้หญิงทุกคนย่อมรู้ดีว่า ลูกอมขนมหวานทั้งหลายนั้นช่างไม่เป็นมิตรกับรอบเอวคุณเอาเสียเลย แต่น้อยคนที่จะตระหนักว่าขนมหวานเหล่านี้ยังทำให้ผิวคุณเหี่ยวง่ายแก่ไวด้วย เพราะน้ำตาลที่มากเกินไป ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ทำให้เกิดกระบวนการ ไกลเคชั่น (glycation) ซึ่งทำร้ายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว นำไปสู่ริ้วรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ นั่นเอง

 
   
2. วิ่งออกกำลังกายมากเกินไป

          การวิ่งเป็นการออกกำลังกายง่าย ๆ และเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่คุณสามารถจะมอบให้ร่างกายได้ แต่การวิ่งก็ต้องมีจุดพอดี และหากคุณมีอายุนำหน้าด้วยเลข 4 แล้ว และยังวิ่งออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง คุณก็เสี่ยงกับภาวะที่เรียกว่า runner's face เอามาก ๆ อันเกิดจากการออกกำลังกายได้เบิร์นเอาไขมันใต้ผิวหนังคุณออกมากเกินไป ทำให้ความเต่งตึงของผิวหายไปด้วย ผิวจึงเหี่ยวย่น ๆ ทั้ง ๆ ชอบออกกำลังกายจึงเกิดขึ้นนั่นเอง


    3. ปลอกหมอนผ้าฝ้าย

          การเปลี่ยนปลอกหมอนเป็นประจำคือสิ่งที่คุณควรทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพผิวหน้า และที่สำคัญก็ควรเลือกปลอกหมอนที่ทำจากผ้าไหมหรือผ้าซาตินแทนที่จะเป็นผ้าฝ้าย เพราะผ้าฝ้ายสามารถดูดความชุ่มชื่นจากผิวได้ ลองคิดดูสิคะ หน้าที่นอนแนบกับหมอนหุ้มด้วยปลอกหมอนผ้าฝ้ายมาตลอดคืน ถูกพรากความชุ่มชื้นไปอย่างต่อเนื่องยาวนาน บ่อย ๆ เข้าก็ทำให้หน้าเหี่ยวได้เหมือนกันนะ


    4. เลือกเมคอัพที่ไม่แมตช์กับหน้า

          การแต่งหน้าควรจะทำให้เราดูสวยเด่น และอ่อนเยาว์กว่าเดิม ไม่ใช่เพิ่มอายุให้ดูแก่ สาว ๆ จึงต้องพิถีพิถันในการเลือกเครื่องสำอางให้รับกับใบหน้า ทั้งสูตรที่ใช้ และเฉดของเครื่อสำอาง หากเลือกผิดขึ้นมา ก็ทำให้หน้าแก่ลงได้จนตกใจเลยล่ะ



   5. ดริ๊งค์มากเกินไป

          ก็ดันเป็นสาวสังคมเข้าให้ ก็เลยต้องออกงานเข้าสังคม พบปะสังสรรค์กันบ่อยกว่าปกติ ถ้าคุณอยู่ในข่ายนี้ ก็ขอเตือนให้ระวังเรื่องการดื่มเสียหน่อย เพราะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมนั้นกระตุ้นการปัสสาวะ ถ้าคุณยิ่งดื่มมาก ก็ยิ่งฉี่บ่อย และเมื่อฉี่มากร่างกายก็เสียน้ำเยอะ ทำให้เซลล์ในร่างกายเหี่ยวไปหมด รวมถึงเซลล์ผิวหนังก็จะห่อเหี่ยว ทำให้ผิวเหี่ยวแห้งขาดน้ำ และดูโทรมได้ด้วย

   
6. ทำงานที่มีแต่ความเครียด

          สาวเวิร์กกิ้งวูแมนอาจคิดว่าความเครียดเป็นเรื่องท้าทาย แม้จะรู้สึกเครียด แม้หน้าที่รับมอบหมายจะเครียดมาก แต่ก็อยากเอาชนะมัน ทว่าสิ่งที่คุณได้มากลับเป็นโรคเครียด หรือโรควิตกกังวลเรื้อรัง บวกด้วยฮอร์โมนคอร์ติซอลถูกกระตุ้นให้หลั่งมากเกินไป จนไปทำลายการทำงานของคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวโทรมหมอง ขาดความเต่งตึงยืดหยุ่น คนที่เครียดบ่อยจึงแก่ไวไงล่ะ
   7. นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ-ไม่สม่ำเสมอ

          การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรือไม่สม่ำเสมอ เดี๋ยวนอนดึก เดี๋ยวหัวค่ำ เดี๋ยวนอนเช้า สิ่งเหล่านี้ทำให้ผิวพรรณของสาว ๆ ส่งสัญญาณว่า ขอผิวแก่ล้ำหน้ากว่าอายุแล้วกัน โดยเตือนคุณด้วยริ้วรอยความเหี่ยวย่น รวมถึงจุดดำคล้ำบนผิว ถ้านิสัยนี้สะสมไปนาน ๆ ความแก่เกินไวแบบไม่รู้ตัวจะมาอยู่กับคุณถาวรแน่ ๆ

   
8. ไดเอทแบบเลือกกินเฉพาะอาหารไขมันต่ำ

          สาวรักษาหุ่นที่จะกินอะไรแต่ละที ก็ต้องมองหาของที่ไขมันต่ำเท่านั้น เมื่อกินแบบนี้นาน ๆ ไป จะทำให้ร่างกายของคุณขาดไขมันจำเป็น อย่างไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงคู่ไปโดยไม่รู้ตัว (monounsaturated and polyunsaturated fats) ซึ่งไขมันทั้งสองประเภทนี้มีประโยชน์กับคุณ ในด้านบรรเทาอาการอักเสบของผิวได้ รวมไปถึงอาการอักเสบของผิวจากสิวด้วย

     9. อยู่แต่ในห้องแอร์ทั้งวันทั้งคืน

          ในเมื่อบ้านเราเป็นเมืองร้อน หลาย ๆ คนจึงโปรดปรานมากกว่าที่จะอยู่ในห้องปรับอากาศที่ปรับอุณหภูมิไว้เย็นสบาย บางคนอยู่ในห้องแอร์ตลอดทั้งช่วงกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนก็ยังเปิดแอร์นอนอีกต่างหาก อากาศแห้ง ๆ เย็น ๆ นี้แหละ จะทำให้ผิวคุณแก่ล้ำเกินไวอย่างคาดไม่ถึง ทั้งกร้าน ทั้งหยาบ ร้ายหน่อยก็ลอกเป็นขุย ๆ ด้วย ไม่สวยเลยล่ะค่ะ


          ผู้ที่รู้สึกว่าดูแลผิวหลัก ๆ อย่างการทาครีม และหลบแดดก็ทำแล้ว แต่ผิวก็ยังไม่ดูสดใสอย่างที่ควร บางทีอาจเป็นเพราะคุณยังปล่อยให้พฤติกรรทั้ง 9 เหล่านี้ ทำร้ายผิวของคุณอยู่ก็เป็นได้ ถ้าอย่างนั้นนับจากวันนี้ต่อไป ก็ต้องมาใส่ใจกับเรื่องธรรมดา ๆ ในทุก ๆ วันกันให้มากขึ้นแล้วล่ะเนอะ


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

No comments:

Post a Comment