Saturday, January 31, 2015

20 ความลับของไมโครเวฟ ทำได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย !?




         ความลับของไมโครเวฟ กับเรื่องที่หลายคนอาจไม่เคยคิดมาก่อน แถมบางอย่างเห็นแล้วก็ต้องอึ้ง ว่าไมโครเวฟทำแบบนี้ได้ด้วยจริงดิ !

          เดี๋ยวนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อาหารการกินเริ่มง่ายขึ้นตั้งแต่มีไมโครเวฟเข้ามาอยู่ในครัว เพราะแค่เอาอาหารใส่เข้าไปในไมโครเวฟ แล้วกดปุ่มเวลาตามที่ต้องการ ไม่นานอาหารปรุงสุกหน้าตาน่ารับประทานก็มาอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าไมโครเวฟไม่ได้มีประโยชน์แค่นี้นะ แต่ยังมีประโยชน์ที่จะได้รับจากไมโครเวฟอีกตั้ง 20 เรื่อง ซึ่งบอกเลยว่าบางเรื่องก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าใช้ไมโครเวฟทำได้ ลองไปดูกันว่ามีเรื่องไหนบ้างที่คุณอาจจะยังไม่รู้..

1. ปอกหอมใหญ่ง่าย ๆ และไม่เสียน้ำตา

          หากไม่อยากเสียน้ำตาให้กับหอมใหญ่อีกต่อไป ให้ตัดขั้วหอมใหญ่ออกก่อน แล้วค่อยนำไปอบต่อในไมโครเวฟด้วยความร้อนสูงสุดประมาณ 30 วินาที หลังจากนี้อาการระคายเคืองตาในขณะหั่นหอมใหญ่ก็อาจจะมีอยู่บ้าง แต่ไม่มากเท่าที่เคยเจอมาแล้วล่ะ

 
2. แสตมป์เจ้าปัญหาหลุดจากซองจดหมายอย่างง่ายดาย

          แสตมป์เจ้าปัญหาที่มักจะทำให้จดหมายเสียหายระหว่างที่ทำการลอกกาวออก สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้โดยหยดน้ำลงบนแสตมป์ 2-3 หยด แล้วนำไปอบในไมโครเวฟประมาณ 20 วินาที เพียงเท่านี้ แค่ใช้มือดึงเล็กน้อยเจ้าแสตมป์ก็จะหลุดออกจากซองจดหมายอย่างง่ายดายแล้ว

 
3. ทำก้อนน้ำตาลทรายให้ร่วนดังเดิม

          ถ้าน้ำตาลทรายเริ่มจับจับกันเป็นก้อน ก็แค่ใส่กระดาษชำระอเนกประสงค์ชุบน้ำลงไปในกล่องใส่น้ำตาล จากนั้นก็ปิดฝากล่องให้สนิท เสร็จแล้วก็นำทั้งหมดไปอบในไมโครเวฟประมาณ 20-30 วินาที แค่นี้น้ำตาลทรายก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิมแล้ว

4. ไมโครเวฟสะอาดแค่มีน้ำต้มสุก

          สำหรับไมโครเวฟที่มีคราบอาหารติดเกรอะกรัง ให้ใช้น้ำเปล่า 1 ถ้วย ผสมด้วยน้ำส้มสายชูเล็กน้อย เข้าไปอบในไมโครเวฟประมาณ 5 นาที เพื่อให้ไอน้ำกระจายไปทั่วไมโครเวฟ เสร็จแล้วก็ยกถ้วยน้ำออกพร้อมกับใช้ผ้าหรือฟองน้ำเช็ดคราบอาหารที่ติดอยู่ในไมโครเวฟออกไป

5. ไอน้ำจากกระดาษช่วยลดคราบเกรอะกรัง

          วิธีทำความสะอาดไมโครเวฟที่ทั้งเร็วและง่ายก็มีอยู่เหมือนกัน เริ่มจากนำกระดาษชำระอเนกประสงค์ชุบน้ำประมาณ 1 กำมือ ใส่เข้าไปในไมโครเวฟ และอบด้วยความร้อนสูงประมาณ 3.5 นาที ในระหว่างนี้ไอน้ำจากกระดาษชำระอเนกประสงค์ก็จะทำให้คราบแข็งค่อย ๆ อ่อนตัวลง เมื่อกระดาษอเนกประสงค์เริ่มเย็นตัว ก็ใช้กระดาษแผ่นเดียวกันนี้เช็ดคราบสกปรกในไมโครเวฟออกไป

6. เนื้อปลาสุกกำลังดีไม่แข็งหรือแห้งเกินไป

          ความลับของการทำให้เนื้อปลาสุกกำลังดี เนื้อปลาไม่แข็งหรือแห้งเกินไป อยู่ที่การนำเนื้อปลาออกจากไมโครเวฟ ในขณะที่เนื้อปลาอยู่ในช่วงระหว่างกึ่งสุกกึ่งดิบนิด ๆ แล้วปล่อยให้ความร้อนที่เหลืออยู่ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในเนื้อปลาส่วนอื่น ๆ ระหว่างรอนำไปตั้งโต๊ะนั่นเอง

 
 
7. อบแห้งอาหารได้ด้วยตัวเอง

          สำหรับการอบแห้งพวกพืชผักสมุนไพร แต่ยังอยู่ในสภาพดีน่ารับประทานสามารถทำได้ โดยนำพืชผักสมุนไพรที่ต้องการห่อด้วยกระดาษชำระอเนกประสงค์ แล้วปรับไมโครเวฟไปที่ความร้อนระดับสูง จากนั้นนำของที่ต้องใช้เข้าไปอบประมาณ 2-4 นาที

8. คืนน้ำผึ้งสู่สภาพเดิม

          ส่วนน้ำผึ้งที่ตกผลึกจนกลายเป็นก้อนแข็ง ๆ สามารถทำให้น้ำผึ้งกลายสภาพกลับมาเป็นของเหลวเหมือนเดิมได้ โดยเปิดฝาขวดน้ำผึ้งออก แล้วนำไปอบในไมโครเวฟด้วยความร้อนระดับกลางประมาณ 2 นาทีเท่านั้น

 
9. ทำผ้าชุบน้ำร้อนโดยไม่ต้องต้มน้ำ

          หากต้องการผ้าชุบน้ำร้อน แต่ไม่อยากจะต้มน้ำร้อน ก็แค่นำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำพร้อมกับบิดผ้าให้หมาด ๆ แล้วนำไปอบในไมโครเวฟด้วยความร้อนสูงประมาณ 1 นาที ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เอาไปเช็ดตัวผู้ป่วยได้

10. คั้นน้ำมะนาวให้ได้เยอะขึ้น

          หากต้องการคั้นน้ำจากมะนาวหรือเลมอนให้ได้มากขึ้น ก็แค่นำมะนาวหรือเลมอนไปอบในไมโครเวฟด้วยความร้อนสูงประมาณ 20-30 วินาที เพียงเท่านี้ก็จะสามารถคั้นน้ำได้ง่ายขึ้น แถมยังได้น้ำในปริมาณที่เยอะกว่าเดิมด้วย

 
11. ใช้ทดสอบระดับการทนความร้อนของภาชนะ

          วิธีการทดสอบว่าภาชนะชิ้นนั้นสามารถนำมาใช้กับไมโครเวฟได้หรือไม่ ก็ง่ายนิดเดียว โดยการเติมน้ำเย็นลงในภาชนะที่ระบุว่า "สามารถใช้กับไมโครเวฟได้" จากนั้นนำภาชนะที่ต้องการทดสอบใส่ตามลงไปในภาชนะชิ้นแรก แล้วนำทั้งหมดไปอบด้วยความร้อนสูง 1 นาที ถ้านำออกมาแล้วปรากฏว่า น้ำร้อนแต่ภาชนะที่ใช้ทดสอบยังเย็นอยู่ ก็แสดงว่าเป็นภาชนะที่สามารถใช้กับไมโครเวฟได้นั่นเอง

12. ป้องกันขนมปังแข็งหลังการอบ

          ขนมปังที่อบด้วยไมโครเวฟมักจะดูแข็งทื่อและไม่น่ารับประทาน ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้โดยใช้กระดาษชำระอเนกประสงค์ห่อแซนวิช โรล หรืออาหารอบประเภทอื่น ๆ ก่อนนำไปอบในไมโครเวฟ แล้วกระดาษก็จะช่วยรักษาความชื้นเอาไว้ พร้อมกับทำให้อาหารดูนุ่มนิ่มน่ารับประทาน

13. ปอกเปลือกกระเทียมเสร็จในพริบตา

          สามารถปอกกระเทียมได้เร็วกว่าเคย เพียงแค่นำกลีบกระเทียมที่ถูกแยกออกจากหัวแล้วไปอบในไมโครเวฟประมาณ 15 วินาที ความร้อนจากไมโครเวฟก็จะช่วยทำให้ความชื้นระหว่างเปลือกกับเนื้อกระเทียมหาย ไปจนเกิดเป็นช่องอากาศ และทำให้เปลือกหลุดออกจากกระเทียมง่ายขึ้นนั่นเอง

 
14. ปอกผัก-ผลไม้ยาก ๆ ให้ง่ายได้อย่างใจ

          การปอกเปลือกผัก-ผลไม้ที่ปอกยาก ๆ คงทำให้หลายคนรู้สึกเซ็งมากทีเดียว เช่น ลูกท้อ หรือมะเขือเทศ แต่จากนี้อะไร ๆ จะง่ายขึ้น เพียงแค่นำผักหรือผลไม้ด้วยความร้อนสูงประมาณ 30 วินาที จากนั้นวางทิ้งไว้อีก 2 นาที แล้วค่อยนำออกมาปอกเปลือกเท่านั้น


15. ไข่ดาวสวยและสุกกำลังดี ใครก็ทำได้

          เริ่มจากเทน้ำเดือดลงในถ้วยที่สามารถใช้กับไมโครเวฟได้ ตามด้วยน้ำส้มสายชูเล็กน้อย แล้วตอกไข่ใส่ลงไป จากนั้นปิดปากถ้วยด้วยฟิล์มห่ออาหาร นำเข้าไปอบในไมโครเวฟด้วยความร้อนสูง 30 วินาที ก็ได้อิ่มกับไข่ดาวไมโครเวฟแล้ว

 
16. เตรียมถั่วใน 10 นาทีให้เหมือนแช่น้ำข้ามคืน

          สำหรับคนที่ต้องการปรุงอาหารด้วยถั่ว และจำเป็นต้องแช่น้ำข้ามคืน แต่ปรากฏว่าลืมแช่ถั่วทิ้งไว้ ก็ไม่เป็นไรเพราะสามารถทำให้เสร็จได้ภายใน 10 นาที เริ่มจากนำถั่วเทใส่ถ้วย ตามด้วยเบกกิ้งโซดาเล็กน้อย และน้ำเทให้มิดถั่ว จากนั้นนำไปอบด้วยไฟแรงสูง 10 นาที เสร็จแล้วนำออกมาทิ้งไว้ด้านนอกต่ออีก 30-40 นาที เท่านี้ก็สามารถนำไปปรุงอาหารได้ตามสูตรแล้ว

17. เปลี่ยนขนมปังแข็งให้นิ่มน่ารับประทาน

          สำหรับขนมปังแข็ง ๆ ก็สามารถทำให้กลับมามีเนื้อขนมปังที่นุ่มนิ่มได้ โดยการห่อขนมปังด้วยกระดาษชำระอเนกประสงค์ชุบน้ำเอาไว้ จากนั้นนำไปอบในไมโครเวฟต่ออีก 10 วินาที สามารถทำซ้ำได้เท่าที่จำเป็น และควรเช็กเนื้อขนมปังทุกครั้งที่นำออกจากเตาว่า เนื้อขนมปังนิ่มอย่างที่ต้องการแล้วหรือยัง

 
18. นำอาหารอบในไมโครเวฟโดยไม่ระเบิด

          พวกวัตถุดิบทำอาหารประเภทที่มีเปลือกบาง เช่น มะเขือเทศ แตงกวา หรือมันฝรั่ง มักจะระเบิดตัวระหว่างนำไปอบในไมโครเวฟ สามารถแก้ไขได้โดยใช้ของปลายแหลมจิ้มที่ผิวของผัก ผลไม้ก่อนนำเข้าไมโครเวฟ เพื่อให้น้ำด้านในระเหยออกมา ช่วยป้องกันไม่ให้ผัก ผลไม้ ระเบิดในไมโครเวฟได้ดีทีเดียว

19. เปลี่ยนมันฝรั่งทอดกรอบให้กรุบกรอบเหมือนเพิ่งซื้อใหม่

          สำหรับขนมมันฝรั่งแผ่นอบกรอบที่เสียความกรุบกรอบไป สามารถแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมได้ โดยห่อขนมด้วยกระดาษชำระอเนกประสงค์ แล้วนำไปอบในไมโครเวฟสักครู่ ในระหว่างที่กำลังอบ กระดาษชำระอเนกประสงค์ก็จะดูดความชื้นออกมา และทำให้มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบของคุณกลับมาเคี้ยวอร่อยเหมือนเดิมนั่นเอง

20. เร่งกลิ่นวัตถุดิบให้ออกกลิ่นมากขึ้น

          สำหรับคนที่ต้องการให้เครื่องปรุง สมุนไพร หรือเมล็ดพืชต่าง ๆ มีกลิ่นหอมฟุ้งมากขึ้นก็ไม่ยากเลย แค่นำวัตถุดิบใส่ถ้วยแล้วนำไปอบในไมโครเวฟประมาณ 15 วินาที หรือจนกว่ากลิ่นจะออกแค่นั้นล่ะจ้า


          ก็หวังว่าความลับของไมโครเวฟที่นำมาบอกต่อกันในวันนี้ จะทำให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากไมโครเวฟได้มากกว่าการใช้ไมโครเวฟเพื่ออุ่น ต้ม หรืออบอาหารกันเพียงอย่างเดียวนะคะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Friday, January 30, 2015

9 เรื่องที่เหมือนธรรมดา แต่ทำให้คุณหน้าแก่ได้




          ผู้หญิงเราต่างระมัดระวังทุก ๆ เรื่่อง ๆ ที่จะทำลายผิวหน้า แล้วทำให้หน้าแก่ก่อนวัย ไม่ว่าจะต้องทาครีมทุกวัน ใช้ครีมกันแดด กางร่ม ฯลฯ แต่สาว ๆ จำนวนไม่น้อยก็เผลอมองข้ามเรื่องบางอย่างที่แสนจะใกล้ตัว แต่ทำร้ายผิวให้คุณดูแก่เกินวัยไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ กระปุกดอทคอมไม่อยากให้คุณหน้าแก่แบบไม่ทันตั้งตัว เลยนำ 9 เรื่องที่เหมือนธรรมดา แต่ทำให้หน้าคุณแก่ได้เหล่านี้ มาเตือนให้ระวังตัวกันค่ะ

   
1. ลูกอม ทอฟฟี่ ของหวานทั้งหลาย

          ผู้หญิงทุกคนย่อมรู้ดีว่า ลูกอมขนมหวานทั้งหลายนั้นช่างไม่เป็นมิตรกับรอบเอวคุณเอาเสียเลย แต่น้อยคนที่จะตระหนักว่าขนมหวานเหล่านี้ยังทำให้ผิวคุณเหี่ยวง่ายแก่ไวด้วย เพราะน้ำตาลที่มากเกินไป ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ทำให้เกิดกระบวนการ ไกลเคชั่น (glycation) ซึ่งทำร้ายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว นำไปสู่ริ้วรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ นั่นเอง

 
   
2. วิ่งออกกำลังกายมากเกินไป

          การวิ่งเป็นการออกกำลังกายง่าย ๆ และเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่คุณสามารถจะมอบให้ร่างกายได้ แต่การวิ่งก็ต้องมีจุดพอดี และหากคุณมีอายุนำหน้าด้วยเลข 4 แล้ว และยังวิ่งออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง คุณก็เสี่ยงกับภาวะที่เรียกว่า runner's face เอามาก ๆ อันเกิดจากการออกกำลังกายได้เบิร์นเอาไขมันใต้ผิวหนังคุณออกมากเกินไป ทำให้ความเต่งตึงของผิวหายไปด้วย ผิวจึงเหี่ยวย่น ๆ ทั้ง ๆ ชอบออกกำลังกายจึงเกิดขึ้นนั่นเอง


    3. ปลอกหมอนผ้าฝ้าย

          การเปลี่ยนปลอกหมอนเป็นประจำคือสิ่งที่คุณควรทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพผิวหน้า และที่สำคัญก็ควรเลือกปลอกหมอนที่ทำจากผ้าไหมหรือผ้าซาตินแทนที่จะเป็นผ้าฝ้าย เพราะผ้าฝ้ายสามารถดูดความชุ่มชื่นจากผิวได้ ลองคิดดูสิคะ หน้าที่นอนแนบกับหมอนหุ้มด้วยปลอกหมอนผ้าฝ้ายมาตลอดคืน ถูกพรากความชุ่มชื้นไปอย่างต่อเนื่องยาวนาน บ่อย ๆ เข้าก็ทำให้หน้าเหี่ยวได้เหมือนกันนะ


    4. เลือกเมคอัพที่ไม่แมตช์กับหน้า

          การแต่งหน้าควรจะทำให้เราดูสวยเด่น และอ่อนเยาว์กว่าเดิม ไม่ใช่เพิ่มอายุให้ดูแก่ สาว ๆ จึงต้องพิถีพิถันในการเลือกเครื่องสำอางให้รับกับใบหน้า ทั้งสูตรที่ใช้ และเฉดของเครื่อสำอาง หากเลือกผิดขึ้นมา ก็ทำให้หน้าแก่ลงได้จนตกใจเลยล่ะ



   5. ดริ๊งค์มากเกินไป

          ก็ดันเป็นสาวสังคมเข้าให้ ก็เลยต้องออกงานเข้าสังคม พบปะสังสรรค์กันบ่อยกว่าปกติ ถ้าคุณอยู่ในข่ายนี้ ก็ขอเตือนให้ระวังเรื่องการดื่มเสียหน่อย เพราะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมนั้นกระตุ้นการปัสสาวะ ถ้าคุณยิ่งดื่มมาก ก็ยิ่งฉี่บ่อย และเมื่อฉี่มากร่างกายก็เสียน้ำเยอะ ทำให้เซลล์ในร่างกายเหี่ยวไปหมด รวมถึงเซลล์ผิวหนังก็จะห่อเหี่ยว ทำให้ผิวเหี่ยวแห้งขาดน้ำ และดูโทรมได้ด้วย

   
6. ทำงานที่มีแต่ความเครียด

          สาวเวิร์กกิ้งวูแมนอาจคิดว่าความเครียดเป็นเรื่องท้าทาย แม้จะรู้สึกเครียด แม้หน้าที่รับมอบหมายจะเครียดมาก แต่ก็อยากเอาชนะมัน ทว่าสิ่งที่คุณได้มากลับเป็นโรคเครียด หรือโรควิตกกังวลเรื้อรัง บวกด้วยฮอร์โมนคอร์ติซอลถูกกระตุ้นให้หลั่งมากเกินไป จนไปทำลายการทำงานของคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวโทรมหมอง ขาดความเต่งตึงยืดหยุ่น คนที่เครียดบ่อยจึงแก่ไวไงล่ะ
   7. นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ-ไม่สม่ำเสมอ

          การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรือไม่สม่ำเสมอ เดี๋ยวนอนดึก เดี๋ยวหัวค่ำ เดี๋ยวนอนเช้า สิ่งเหล่านี้ทำให้ผิวพรรณของสาว ๆ ส่งสัญญาณว่า ขอผิวแก่ล้ำหน้ากว่าอายุแล้วกัน โดยเตือนคุณด้วยริ้วรอยความเหี่ยวย่น รวมถึงจุดดำคล้ำบนผิว ถ้านิสัยนี้สะสมไปนาน ๆ ความแก่เกินไวแบบไม่รู้ตัวจะมาอยู่กับคุณถาวรแน่ ๆ

   
8. ไดเอทแบบเลือกกินเฉพาะอาหารไขมันต่ำ

          สาวรักษาหุ่นที่จะกินอะไรแต่ละที ก็ต้องมองหาของที่ไขมันต่ำเท่านั้น เมื่อกินแบบนี้นาน ๆ ไป จะทำให้ร่างกายของคุณขาดไขมันจำเป็น อย่างไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงคู่ไปโดยไม่รู้ตัว (monounsaturated and polyunsaturated fats) ซึ่งไขมันทั้งสองประเภทนี้มีประโยชน์กับคุณ ในด้านบรรเทาอาการอักเสบของผิวได้ รวมไปถึงอาการอักเสบของผิวจากสิวด้วย

     9. อยู่แต่ในห้องแอร์ทั้งวันทั้งคืน

          ในเมื่อบ้านเราเป็นเมืองร้อน หลาย ๆ คนจึงโปรดปรานมากกว่าที่จะอยู่ในห้องปรับอากาศที่ปรับอุณหภูมิไว้เย็นสบาย บางคนอยู่ในห้องแอร์ตลอดทั้งช่วงกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนก็ยังเปิดแอร์นอนอีกต่างหาก อากาศแห้ง ๆ เย็น ๆ นี้แหละ จะทำให้ผิวคุณแก่ล้ำเกินไวอย่างคาดไม่ถึง ทั้งกร้าน ทั้งหยาบ ร้ายหน่อยก็ลอกเป็นขุย ๆ ด้วย ไม่สวยเลยล่ะค่ะ


          ผู้ที่รู้สึกว่าดูแลผิวหลัก ๆ อย่างการทาครีม และหลบแดดก็ทำแล้ว แต่ผิวก็ยังไม่ดูสดใสอย่างที่ควร บางทีอาจเป็นเพราะคุณยังปล่อยให้พฤติกรรทั้ง 9 เหล่านี้ ทำร้ายผิวของคุณอยู่ก็เป็นได้ ถ้าอย่างนั้นนับจากวันนี้ต่อไป ก็ต้องมาใส่ใจกับเรื่องธรรมดา ๆ ในทุก ๆ วันกันให้มากขึ้นแล้วล่ะเนอะ


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Sunday, January 25, 2015

10 สิ่งมหัศจรรย์แห่งรัก เสกสุขภาพดี ที่คนอินเลิฟฝากบอกต่อ



          ความรักนำมาซึ่งความสุขก็จริง แต่ใครหลายคนคาดไม่ถึงแน่เลยว่า นอกจากความรักจะทำให้เรามีความสุขใจแล้ว ยังเสกให้สุขภาพกายของเราแข็งแรงขึ้นด้วยนะ

          ความรักทำให้หัวใจพองโต สาว ๆ ที่กำลังอินเลิฟหลายคนรู้ดีว่า หากอาการนี้เกิดขึ้นกับเราแล้ว เราจะได้รับประโยชน์อย่างอื่นตามมาอีกเพียบเลย โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ ดังนั้น อย่ามัวเสียเวลากันอยู่เลย มาลองอ่าน 10 ประโยชน์ของการอินเลิฟกันเลยดีกว่าว่าความรักดีต่อสุขภาพของเรายังไงบ้าง

ดูสวยขึ้น

          เคยสังเกตตัวเองกันไหมว่า เวลาที่เรากำลังอินเลิฟนั้น ใคร ๆ ก็ทักว่าสวยขึ้น ดูมีน้ำมีนวล ผิวพรรณเปล่งปลั่งมากขึ้น สาเหตุเป็นเพราะการมีความรักทำให้เรายิ้มและหัวเราะง่ายขึ้น อารมณ์ดีได้ทั้งวัน และจากการที่เราหัวเราะบ่อยครั้งนั่นแหละที่จะช่วยกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานเป็นปกติ เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น เกิดการสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวของเรา เราจึงดูสวยแบบสุขภาพดี   

ดูอ่อนกว่าวัย
           
          ใครที่ยังโสดอาจสงสัยว่าความรักทำให้เราหน้าเด็กลงได้จริงเหรอ ขอยืนยันเลยค่ะว่า จริง ! เพราะเมื่อเวลาที่เราอยู่ในช่วงอินเลิฟสุดขีด ในช่วงนั้นสมองเราจะคิดเรื่องเครียดน้อยลง หันมาคิดแต่ในสิ่งที่มีความสุขมากขึ้น โดยที่การคิดบวกถึงแต่สิ่งที่ดี ๆ นี่แหละที่ช่วยกระตุ้นให้ฮอร์โมนความสุขเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งการที่เราอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ก็ไม่ทำให้ริ้วรอยบนใบหน้าถามหาด้วย 

รูปร่างดีขึ้น
          
          ความรักทำให้เรามีกำลังใจในการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์แบบเดิม ๆ ที่เคยมีมา และยังเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้น  เช่น เริ่มหันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินมากขึ้น มีแรงผลักดันในการฟิตหุ่นให้น่ามองมากขึ้น รวมถึงมีแรงบันดาลใจในการแต่งตัวให้น่ามองมากขึ้น

หัวใจแข็งแรง
           
          แปลกแต่จริงที่เวลาเราเจอหน้าคนที่ชอบ หัวใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะ และเต้นแรงขึ้นซะด้วย สาเหตุก็เป็นเพราะว่า อวัยวะหัวใจของเรากำลังถูกกระตุ้นให้ทำงานมากขึ้น ซึ่งเมื่อหัวใจเต้นแรงขึ้น อัตราการสูบฉีดเลือดก็เพิ่มขึ้นด้วย ส่งผลให้ระบบไหลเวียนโลหิตของทำงานเป็นปกติ ที่สำคัญคือ เราจะห่างไกลจากโรคหัวใจวายด้วยล่ะ

 
โรคร้ายไม่ถามหา  
           
          รู้หรือไม่ว่า ความรักสามารถลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งได้ สาเหตุมาจากการที่ร่างกายมีสุขภาพใจแข็งแรง ไม่เครียด ไม่กังวล ไม่คิดฟุ้งซ่าน ทำให้ร่างกายกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวออกมาเป็นปกติ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพระบบภูมิคุ้มกันในการลดโอกาสการติดเชื้อต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้สามารถต้านโรคร้ายที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคข้อเสื่อม และโรคมะเร็ง เป็นต้น

ฉลาดขึ้น
           
          แปลกแต่จริงที่คนอินเลิฟมักมีความคิดที่เฉลียวฉลาดมากขึ้น สังเกตได้จากการที่เราสามารถจับพฤติกรรมและความรู้สึกของอีกฝ่ายได้จากการแสดงออกทางสีหน้า แววตา คำพูด รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ อ้อมกอด และการจับมือ โดยที่ถ้าหากสิ่งเหล่านี้ผิดปกติไปเพียงนิดเดียวละก็ เราจะรับรู้ได้ทันที เป็นผลมาจากการที่ร่างกายของเรากระตุ้นสร้างฮอร์โมน DHEA หรือฮอร์โมนเพิ่มความจำ ที่จะช่วยให้ระบบประสาทและสมองของเราพัฒนาขึ้นจากการเรียนรู้และจดจำนั่นเอง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คู่รักที่คบหาดูใจกันมานาน สามารถเดาใจของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ

อายุยืน 
           
          ความรักทำให้เราอายุยืนขึ้นจากการมีความสุขในทุก ๆ วัน โดยเฉพาะความสุขที่ได้จากการกอดกัน เพราะเมื่อเรากอดกันแล้ว ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุขออกมาด้วย นั่นคือ สารออกโตซิน ที่จะทำให้เรารู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจ รู้สึกผูกพันกับคนรักมากขึ้น รู้สึกไว้วางใจในกันและกันมากขึ้น และสิ่งที่ทำให้เราอายุยืนขึ้น อีกส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เรามีคนดูแลสารทุกข์สุขดิบ คอยเป็นห่วงเป็นใยเรา ระแวดระวังเรื่องสุขภาพเรา ดังนั้น คนโสดอย่าอิจฉาคนมีคู่เขาเลยนะจ๊ะ

 
มั่นใจในตัวเองมากขึ้น
           
          ความรักทำให้คนเรากล้าบ้าบิ่นมากขึ้น ทำอะไรแผลง ๆ ได้โดยไม่อาย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสุขภาพใจของเราแข็งแรงนั่นเองค่ะ  ซึ่งเมื่อพลังใจเราเต็มร้อยแล้ว ก็ย่อมส่งผลให้เรามีพลังกายในการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างมั่นใจ โดยลืมคิดไปเลยว่าเราจะทำได้หรือไม่ เห็นได้จากการที่เรามักจะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยในการพยายามทำอะไรเพื่อใครสักคน แต่เรากลับรู้สึกแฮปปี้มาก ๆ ที่จะทำสิ่งนั้น
 
ชีวิตดีขึ้น
               
          ความรักเป็นแรงผลักดันในชีวิตที่่เรามองไม่เห็น แต่เราสามารถรับรู้ได้ว่าความรักจากใครอีกคนหนึ่งเป็นพลังที่คอยผลักดันให้ เรามีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เช่น เราจะมีความรู้สึกมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองมากขึ้น เราจะไม่ท้อถอยกับอะไรง่าย ๆ สามารถลงมือทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายได้อย่างน่าประหลาด และยังทำให้เรากล้าที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตได้ด้วย

 
ภาพลักษณ์ดีขึ้น
               
          ความรักช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของเราให้ดูดีขึ้น  สาเหตุเป็นเพราะเมื่อเราแสดงอารมณ์เชิงบวกออกมาบ่อย ๆ เช่น หัวเราะ ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาดี หรือแม้แต่การวางตัวสุภาพน่ารัก ใครเห็นก็อยากเข้าหาเพราะความเฟรนด์ลี่ของเรานั่นเอง ที่สำคัญคือ การเป็นคนอารมณ์ดียังช่วยให้เราผูกมิตรกับคนอื่นได้ง่ายขึ้นด้วย

               
          แม้ว่าข้อดีของความรักที่เรานำมาฝากนี้ ดูเหมือนจะพูดถึงคนอินเลิฟมากกว่า แต่คนโสดก็อย่าเพิ่งน้อยใจไปนะคะ หันมาแสดงความรักกับคนรอบข้างแทนก็ได้ค่ะ เช่น เพื่อนฝูง หรือคนในครอบครัว เพราะหลัก ๆ แล้วการจะมีสุขภาพดีก็มาจากการที่เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนั่นเอง


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต