Wednesday, December 31, 2014

5 อันดับของขวัญหรูๆ ที่วัยทำงานอยากซื้อให้ตัวเองในวันปีใหม่




วันสำคัญครั้งใหญ่ส่งท้ายปีอย่างวันปีใหม่นี้ ก่อนขึ้นปีใหม่ก็อยากจะมีสิ่งดีๆ และของขวัญสักชิ้นที่มอบให้กับตัวเอง หลังจากที่ทั้งปีต้องเผชิญกับการทำงานอันยาวนาน แต่อยากจะมอบอะไรให้ตัวเองกันบ้าง
งั้นเรามาดูกันเลยว่าของขวัญชิ้นใหญ่ที่อยากมอบให้ตัวเองจะมีอะไรกันบ้าง (แต่ของขวัญที่จะมอบให้ตัวเองนี้อาจจะเป็นของขวัญที่มีราคาสูงสักนิดนึงน้า) ^_^

1. โทรศัพท์ iPhone6

ข้อแรกนี่ขอยกให้เป็นเครื่องมือสื่อสารสุดไฮเทคอย่าง iPhone นี่แหละ! ของขวัญ 1 ชิ้น ที่วัยทำงาน อยากมีไว้ใช้ติดตัวเกร๋ๆ สักเครื่อง จะได้ตามไฮเทคโนโลยี ข่าวสารในปัจจุบัน ได้ทั่วถึง ยิ่งเป็นคนติดโซเชียลด้วยแล้วคงต้องอยากได้แน่นอน แถมยังพกพาได้สะดวกอีกด้วย


2. แพคเกจท่องเที่ยวต่างประเทศ

สิ้นปีทั้งที การพักผ่อนที่ดีที่สุด คือการได้ออกไปท่องเที่ยวตามที่ได้ฝันไว้ ได้ไปสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ และสถานที่สวยๆใหม่ๆ นี่แหละ สวรรค์แห่งการพักผ่อนในชีวิต เป็นการเพิ่มประสบการณ์การเดินทางในความทรงจำ ที่สำคัญอาจจะได้แรงบันดาลใจใหม่ๆจากการท่องเที่ยวด้วยก็ได้นะ แต่ถ้าเป็นแพคเกจท่องเที่ยวในประเทศก็ได้นะ แต่ขอสเปเชียลฟินๆ เป็นที่พักหรูๆ และชมสถานที่ท่องเที่ยวได้หลายที่ ทำกิจกรรมต่างๆไปด้วย วันพักผ่อนของคุณก็จะเยี่ยมยอดไปเลย


3. นาฬิกาข้อมือหรู สวยๆ เท่ห์ๆ

อ๊ะ! มาถึงของขวัญหรูๆ อย่างนาฬิกานี่ก็เกร๋ไปอีกแบบนะ เป็นหนึ่งไอเทมเท่ห์ๆ สวยๆ ที่จะขอเลือกให้เป็นของขวัญกับตัวเองได้ดี เพราะมันนอกจากจะช่วยเสริมให้เราดูเท่ห์แล้ว ยังช่วยเป็น Accessories การแต่งตัวได้ดีอีกด้วยหล่ะ กับนาฬิกาเท่ห์ๆประดับกายสักเรือน คงเท่ห์ไม่เบา เปลี่ยนจากการแต่งตัวเรียบๆมาเป็นหรูๆได้ทันที อ่อ! เลือกของขวัญชิ้นนี้ให้เน้นที่ใช้งานได้หลายอย่างด้วยนะ ใช้งานได้นาน เข้ากับ Accessories สไตล์ของคุณได้ด้วย ยิ่งของผู้ชายเน้นแข็งแรงทนทาน ไอเทมนี้ นอกจากจะหรูและ ยังคุ้มแก่การใช้งานด้วย


4. คอมพิวเตอร์ หรือ โน๊ตบุ๊ค สเปกแรง

แน่นอนในยุคไฮเทคอย่างนี้ ก็ต้องไม่พลาดเครื่องใช้ อย่างโน๊ตบุ๊คนี่แหล่ะ ของขวัญอีก 1 อย่าง ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานและการเข้าถึงสื่อออนไลน์ได้ดี (แต่จะดีมากถ้ามีไว้เล่นเกมส์ บวกกับ ไว้ใช้ทำงานต่างๆ โดยไม่ต้องเพิ่งคอมออฟฟิตอีก) จนต้องกลับบ้านดึกอีก ^_^


5. ของแบรนด์เนม

โอ๊ยยยย! ของชิ้นนี้ต้องไม่พลาดเลยคร่าาาาา ชนิดว่า ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมาทั้งปี ของแบรนด์เนม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า /กางเกง /กระเป๋าสตางค์ ฯลฯ มาใช้สวยๆเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง และสามารถใช้เพื่อเข้าสังคม หรืองานหรูๆได้ ยิ่งถ้า Sale ด้วยแล้ว ลองเทียบราคา และความต้องการของตัว ที่เหลือก็จัดมาครองไปเลย เกร๋ๆรับปีใหม่

 
จริงๆแล้วอาจจะมีของขวัญอีกหลายอย่าง หลายชิ้น ที่อยากซื้อมาให้เป็นของขวัญกับตัวเอง
อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือของมีค่าแบบอื่นๆอีก เอาเป็นว่า ของขวัญชิ้นไหนก็ได้ ไม่ต้องราคาแพงมาก
แต่เป็นสิ่งที่เราใฝ่ฝันอยากได้ ก็ซื้อมาเลย เพื่อตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยมาทั้งปี ถ้าชอบแล้ว ก็ตัดสินใจซื้อได้ไม่ยากเลย
^_^
 
แล้วของขวัญปีนี้ คุณอยากซื้ออะไรให้ตัวเองกันบ้าง?

เนื้อหาโดย: Ringdaikoku, http://board.postjung.com/838340.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Sunday, December 28, 2014

เปลี่ยนนิสัยการกินให้ดี ด้วย 6 วิธีเด็ดที่ควรทำ !




         หากคุณกำลังประสบปัญหาอ้วนจนเครียด หรือไม่ก็ต้องเจอกับโรคภัยไข้เจ็บสารพัด ให้คุณลองนึกย้อนดูสิว่า ตัวคุณเองมีลักษณะนิสัยการกินที่ดีพอแล้วหรือยัง เพราะถ้าหากคุณมีนิสัยการกินที่แย่ กินตามใจปาก กินเรื่อย ๆ ตลอดเวลาไม่ได้พัก นั่นก็อาจจะทำให้ความอ้วนมาเยือนได้อย่างไม่น่าแปลก แต่ถ้าหากคุณได้ลองปรับเปลี่ยนนิสัยการกินใหม่ให้ดีขึ้น บอกเลยว่าความอ้วนและโรคภัยทั้งหลายจะไม่มาย่างกรายอย่างแน่นอน วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำวิธีเปลี่ยนนิสัยการกินให้ดีขึ้นมาบอกสาว ๆ กันค่ะ ลองทำตามดูสิ ไม่ยากเลยนะ ...

กินตามเวลาที่ตั้งไว้

          รู้หรือไม่ว่าสิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณมีนิสัยการกินที่แย่ ก็คือการที่ไม่ตั้งเวลาการกินอาหารไว้นั้นเอง เพราะหากไม่ยอมวางแผนเวลาการกินเอาไว้ ก็เหมือนกับแค่คุณกินอาหารไปทั้งวันโดยไม่สนใจว่าถึงเวลาหรือยัง โดยวัน ๆ หนึ่งวางแผนไว้เลยว่าจะกินแค่เช้า กลางวัน และเย็นเท่านั้น ส่วนขนมก็ไม่ใช่ว่ากินไม่ได้เลย แต่ควรกำหนดเวลากินขนมไว้ด้วยว่าควรอยู่ช่วงไหน วิธีนี้จะทำให้คุณกินอาหารได้อย่างเป็นระบบระเบียบมากขึ้น แถมยังไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพด้วย

เลือกขนมที่ดีต่อสุขภาพ

          สาว ๆ คงรู้กันอยู่แล้วล่ะ ว่าขนมกรุบกรอบทั้งหลายที่ใคร ๆ ก็ชอบกิน เป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์และทำให้อ้วนเปล่า ๆ ฉะนั้นลองเปลี่ยนมาเลือกขนมที่ดีต่อสุขภาพแทนขนมที่ไร้ประโยชน์กันดีกว่า แล้วก็ไม่ต้องขนซื้อขนมจากซุปเปอร์มาร์มาเก็ตมาวางไว้ในบ้านเยอะแยะมากมาย หรอกนะ เพราะถ้าทำแบบนั้น คงไม่มีวันที่คุณเลิกกินขนมกรุบกรอบได้แน่นอน


ไม่ต้องเข้าครัวบ่อย

          การยิ่งอยู่ใกล้ชิดหรืออยู่ในครัวบ่อย ๆ นั่นเป็นสิ่งที่เพิ่มความอยากอาหารให้คุณเข้าไปอีก ฉะนั้นพอหลังจากทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้รีบทำความสะอาดครัว ปิดไฟและปิดประตูไปเลย แล้วค่อยเปิดใช้ครัวใหม่เมื่อถึงเวลากินอาหารตามที่คุณตั้งไว้จะดีกว่า



เคี้ยวหมากฝรั่ง

          เคยสังเกตไหมว่า บางทีก็ไม่ได้รู้สึกหิว แต่แค่อยากมีอะไรมาเคี้ยวไว้ในปากแค่นั้นเอง ถ้างั้นแทนที่จะเลือกขนมกรุบกรอบมากิน ก็ให้เลือกเคี้ยวหมากฝรั่งแทน หรือไม่ก็ดื่มน้ำแก้วใหญ่ ๆ สักแก้วดีกว่า แถมยังทำให้ลมหายใจและร่างกายสดชื่นด้วยนะจ๊ะ

  
กินอย่างใส่ใจ

          หากไม่เริ่มใส่ใจในการกิน บอกเลยว่าคุณก็คงจะกินไปทั้งวันตามใจปาก แถมยังกินได้เรื่อย ๆ เมื่ออยากอีกด้วย ซึ่งก็อย่าแปลกใจเลยถ้าคุณต้องกังวลกับความอ้วนหรือโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ทางที่ดีควรเริ่มมาใส่ใจในการกินได้แล้ว โดยเริ่มจากการวางโทรศัพท์มือถือไว้ให้ไกลตัว ปิดทีวี ปิดหนังสือ แล้วตั้งใจกินอย่างเดียว เชื่อสิว่าคุณจะไม่กินเยอะเหมือนเดิมและมีความสุขกับการกินมากขึ้น

  
ถามตัวเองก่อนกิน

          ก่อนที่จะหยิบถุงมันฝรั่งทอดกรอบหรือลูกกวาดมากินสักอัน ให้คุณลองหยุดถามตัวเองดูก่อนสิว่า คุณหิวจริง ๆ หรือเปล่า ? หรือแค่อยากของหวาน ๆ แค่นั้น ? วิธีนี้จะช่วยให้ฉุกคิดเรื่องของการกินมากขึ้น ว่าคุณควรจะกินขนมกรุบกรอบที่ไม่ได้ให้ประโยชน์ต่อร่างกายแบบนั้นหรือไม่

          ถ้าหากสาว ๆ ปรับเปลี่ยนนิสัยการกินให้ดีขึ้นได้แล้ว ต่อไปสุขภาพร่างกายก็จะดีขึ้น แถมยังไม่ต้องมารู้สึกทุกข์ใจเพราะโดนล้อว่าเป็นสาวอ้วนด้วยนะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Friday, December 26, 2014

9 ของสดที่ไม่จำเป็นต้องใส่ตู้เย็น



          สูตรการรับประทานเพื่อสุขภาพตามที่ต่างๆ มักเน้นที่ของสดเป็นหลัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่ท่านที่รักควรทราบว่ามีของสดอยู่หลายชนิด ที่ไม่จำเป็นต้องสดจากการแช่เย็นหรือจากตู้เย็นเสมอไป ซึ่งของสดที่อยู่นอกตู้เย็นได้

          1) มะเขือเทศ

          นอกจากเป็นผักต้านชราอันดับต้นแล้ว มะเขือเทศยังมีความพิเศษที่ธรรมชาติให้มาอีกโดยการที่มันสามารถเก็บไว้นอก ตู้เย็นได้ โดยข้อเสียของการใส่มะเขือเทศที่ยังไม่สุกดีไว้ในตู้เย็นก็คือมันอาจไม่สุกอีกเลยเพราะว่าความเย็นไป เบรคกระบวนการสุกของมันเสีย นอกจากนั้นความเย็นจนเกินไปยังไปทำลายรสสัมผัสของมัน ทำให้มันเละและเสียรสไปครับ

 
          2) กระเทียม

          ครัวไทยสมัยก่อนนับแต่ยุคครัวไฟมีหัวกระเทียมแขวนไว้ติดเสา ไม่ได้เอาไว้ไล่ผีดูดเลือดแต่ปู่ย่าตาทวดเรารู้มาก่อนว่ากระเทียมควรจะเก็บ อย่างไร เพราะมันเสี่ยงต่อการ ขึ้นราจึงต้องหาที่แห้งและลมโกรกใช้เก็บ ซึ่งเสาและขื่อในครัวรวมถึงที่เก็บโปร่งๆ นั้นเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง


          3) หัวหอม

            เก็บไว้นอกตู้เย็นได้สบาย ถึงเวลาจะเอามาใช้ก็ค่อยปอกเปลือกออก ซึ่งสิ่งที่ต้องระวังคือ ความชื้นที่จะพา เชื้อราให้มาทักทายเร็วกว่าที่ควรได้ ผิดกับต้นหอมและผักชีที่ควรต้องเก็บในตู้เย็นไม่เช่นนั้นจะเหี่ยวเสียได้ เทคนิคง่ายๆ อีกข้อคือ อย่าเก็บหัวหอมร่วมกับ มันฝรั่งไม่อย่างนั้นจะเสียเร็ว


          4) โหระพา

          เป็นผักประจำครัวที่ไม่ควรเก็บในตู้เย็นเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะเกิดสิ่งที่ดูไม่น่ากินทันทีนั่นคือ ความห่อเหี่ยวอับเฉาจะมาเยือน เป็นการเตือนเบาๆ ว่าโหระพาไม่ได้ชอบความเย็นจัดนัก ทางแก้ง่ายๆไม่ต้องพาโหระพาไปฉีดหน้าตึง แค่หาตะกร้าสาน โปร่งๆ มาเป็นบ้านโหระพาให้อยู่ในที่อากาศถ่ายเทไม่มีแมลงก็พอ

 
          5) แตงโม

          หน้านี้มีแตงโมเนื้อฉ่ำรวมถึงแตงต่างๆให้กินชื่นใจอีกทั้งได้ไลโคปีนไม่แพ้ มะเขือเทศอยู่มาก หากซื้อมาเป็นลูกเขียวๆ ยังไม่จำเป็นต้องรีบพาเข้าตู้เย็นให้หาช่องใส่ไม่ได้เสมอไป เพราะแตงโมลูกเขียวกลมๆนี้มีเปลือกที่ช่วยรักษาสภาพคุมอุณหภูมิไว้ให้ดีอยู่ มีการศึกษาว่าที่อุณหภูมิห้องแตงมีแอนตี้ออกซิแดนท์สมบูรณ์ดี


          6) กาแฟ

          กาแฟผงหรือกาแฟสำเร็จรูปไม่ต้องเก็บในตู้เย็นเสมอไป ไม่อย่างนั้นนอกจากอาจทำให้ชื้นจากอณูน้ำในตู้เย็นแล้ว ท่านอาจได้กาแฟรสประหลาดลิ้น เพราะกาแฟมีความสามารถ ดักกลิ่นได้เป็นอย่างดี คล้ายกับใส่ ถ่านก้อนดำๆไว้ในตู้เย็น ถ้าท่านไม่อยากให้อาราบิก้าหรือโรบัสต้าชั้นดีกลายเป็นกลิ่นทุเรียนหรือชีสก็แยกไว้ข้างนอกดีกว่า


          7) น้ำผึ้ง

          ไม่จำเป็นต้องแช่ในตู้เย็นก็อยู่ได้นับพันปี มีหลักฐานจากไหใส่น้ำผึ้งในหลุมพระศพฟาโรห์ที่ยังคงสภาพดีอยู่ ด้วยน้ำผึ้งแท้มีคุณสมบัติป้องกันเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆได้ดีอยู่แล้ว ถึงขนาดใช้ทำแผลได้ ด้วยน้ำตาลที่เข้มข้นจัดบีบคั้นจนเชื้อตัวเล็กตัวน้อยไม่อาจอยู่ได้ในน้ำ ผึ้ง ซึ่งหากท่านเก็บในตู้เย็นจะทำให้น้ำหวานจากธรรมชาตินี้ตกผลึกเป็นน้ำตาลปึกไปเสีย


          8) น้ำมันปรุงอาหาร

          โดยเฉพาะ น้ำมันมะพร้าวและ น้ำมันมะกอกเพราะด้วยความเย็นของตู้เย็นจะทำให้มันกลายเป็นไขราวกับเนยเหลวซึ่งนอกจากทำ ให้ไม่น่ารับประทานแล้วยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ กว่าจะให้ไขขุ่นนั้นกลับกลายเป็นน้ำมันใสได้อีกครั้ง ให้เก็บน้ำมันเหล่านี้ไว้ภายนอก ปิดฝาให้ดี มีเทคนิคเล็กๆ คือใช้ช้อนตวงน้ำมันทุกครั้งที่ใช้ ท่านจะได้รู้ปริมาณน้ำมันที่บริโภคต่อวัน พยายามเลี่ยงการกะประมาณแล้วเท


9) ขนมปังแผ่น
          แสนเสียดายเมื่อกินแซนด์วิชไม่หมดหรือขนมปังสังขยาเจ้าอร่อยเหลือแล้วใส่ตู้ เย็นไว้ เป็นการปิดชะตาชีวิตของขนมปังจนสนิททำให้ไม่มีใครอยากกินอีก โดยความเย็นจะทำให้ขนมปังเนื้อนุ่มกำลังดีกลายเป็นเหนียวแบบยางยืด ส่วนขอบก็แข็งยากจะเคี้ยว นอกจากนั้นความเย็นชื้นในตู้เย็นยังพาขนมปังทั้งแถวป่วยด้วยเชื้อราได้เร็วเกินคาด


          ตู้เย็นเป็นอุปกรณ์ถนอมอาหารแสนพิเศษยิ่งถ้าเราใช้มันอย่างถูกวิธี คือรู้ว่ามีสิ่งใดที่ควรใส่ตู้เย็นให้เป็นประโยชน์ แต่เมื่อใดที่มีความพยายามเอาของที่ไม่มีที่ทางจำเป็นในตู้เย็นไปใส่ สิ่งที่ได้อาจตรงกันข้ามคือ ของดีนั้นอาจกลับกลายเป็นของที่รับประทานไม่ได้ จนถึงขั้นต้องทิ้งไปอย่างกาแฟที่ไม่ว่าจะแบบบดหรือเมล็ดจะสลายรสอันดีงามไป หมดเหลือแต่กลิ่นตุๆ แปลกๆ ของตู้เย็นแทน รวมถึงผักและสมุนไพรหลายอย่างที่อาจเฉาชอกช้ำได้เมื่อถูกขืนใจจับใส่ตู้ แต่ทางแก้ก็ไม่ยากเช่นบางอย่างจับใส่ห่อหรือกล่องกันอากาศไว้อย่างดีก็อยู่ในตู้เย็นได้


แหล่งที่มา : เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์, http://www.thaihealth.or.th
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Thursday, December 25, 2014

31 คุณสมบัติของคนประสบความสำเร็จ ที่อยากแชร์ให้โลกรู้


 
          คุณสมบัติสำคัญที่เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของคนดังผู้ยิ่งใหญ่ วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับคุณสมบัติของคนประสบความสำเร็จที่อยากแบ่งปันให้คนอื่นได้รับรู้กันค่ะ

           แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน แต่ปัจจัยที่จะทำให้ผู้คนประสบความสำเร็จก็ยังเป็นความจริงที่อยู่เหนือกาลเวลา เช่นเดียวกับนักธุรกิจที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลมากที่สุดในยุคก่อนศตวรรษที่ 20 อย่าง แอนดรูว์ คาร์เนกี ซึ่งเขาได้ถ่ายทอดกลยุทธของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ให้กับนักข่าวที่ชื่อ นโปเลียน ฮิลล์ เพื่อนำไปเขียนเป็นหนังสือขายดีตลอดกาลอย่าง "Think and Grow Rich" และนี่คือ 31 คุณสมบัติของผู้นำที่ดี จากคำให้การของ คาร์เนกี ที่เว็บไซต์ Business Insider นำมาสรุปให้พวกเราได้ฟังกัน
 
1. มีจุดหมายและแผนการที่แน่นอน ที่จะบรรลุความต้องการ


          เพราะผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะทำงานมุ่งไปสู่ผลลัพธ์ที่ตัวเองที่ต้องการเสมอ

2. มีแรงจูงใจที่จะขับเคลื่อนตัวเองตลอดเวลา

          ไม่มีความยิ่งใหญ่ไหนที่จะสำเร็จได้ โดยปราศจากแรงจูงใจที่แข็งแกร่ง และนั่นคือสิ่งสำคัญ

3. พาตัวเองไปอยู่ในแวดล้อมของคนมีความสามารถที่มักแชร์วิสัยทัศน์ของตนเอง

          ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เป็นผลพวงจากการประสานความคิด ไปสู่จุดหมายที่ชัดเจน ดังนั้นการเข้าหาผู้คนที่มีวิสัยทัศน์ดี จะทำให้โลกทัศน์ของคุณกว้างขึ้นด้วย

4. เชื่อมั่นในตนเอง

          เพราะบ่อยครั้งที่ผู้นำต้องทำทุกอย่างด้วยตนเอง ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการตัดสินใจ ความเชื่อมั่นในตัวเองจะทำให้ก้าวเดินต่อไปอย่างไม่หวาดหวั่น

5. มีระเบียบวินัยในตัวเองสูง


          เพราะเราไม่มีทางจะควบคุมคนอื่น หากเรายังควบคุมตัวเองไม่ได้ ดังนั้นจุดเริ่มต้นจึงต้องรู้จักการรักษาระเบียบวินัยในตัวเองก่อน

6. ไม่ยอมท้อถอย

          ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะไม่ล้มเลิกแผนการ แม้ถูกคัดค้านตั้งแต่เริ่มต้น เพราะเมื่อตัดสินใจทุ่มเทให้กับมันแล้วถึงจะล้มลุกคลุกคลานแค่ไหนก็ต้องไปให้สุดทาง

7. มีความคิดสร้างสรรค์

          ผู้นำที่เก่งจะใฝ่หาหนทางที่ดีกว่าอยู่เสมอ โดยพวกเขาจะเฝ้ามองไอเดียและโอกาสใหม่ ๆ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายในงานของตนเอง ความคิดสร้างสรรค์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้

8. เป็นคนเด็ดขาด


          ผู้นำที่ดีจะถือหลักว่า การตัดสินใจที่ไม่สมบูรณ์แบบ ก็ยังดีกว่าไม่ตัดสินใจอะไรเลย ตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าจะรุ่งหรือร่วง ก็ดีกว่าค้างคาเพราะไม่กล้าเสี่ยง

9. เก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด ก่อนการตัดสินใจ

          การเป็นผู้นำที่เก่งไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ แต่เกิดจากการตั้งใจหาข้อมูล ก่อนที่จะตัดสินใจทุกอย่าง และหลังจากนั้นจะมุ่งไปด้วยความรวดเร็วและมั่นคง

10. กระตือรือร้น


          ผู้นำที่ดีจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร ที่จะใช้ความกระตือรือร้นนั้นขับเคลื่อนลูกทีมไปสู่เป้าหมาย ความกระตือรือร้นของทุกฝ่าย จะช่วยให้งานนั้น ๆ พัฒนาไปสู่ประสิทธิภาพที่ดีและรวดเร็วมากขึ้น

11. มีความยุติธรรม

          เพราะการปฏิบัติกับลูกน้องคนที่ไม่ชอบด้วยการดูถูก ไม่ให้ผลดีในระยะยาว และสำหรับลูกน้องที่มีผลงานดี ก็ควรได้รับการตอบแทนให้พวกเขาภูมิใจ

12. ใจกว้าง


          คนที่ปิดกั้นทางความคิด จะไม่ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง และเมื่อปราศจากการยอมรับ การเป็นผู้ยิ่งใหญ่ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย เปิดใจให้กว้างแล้วจะมองเห็นอะไรมากขึ้น

13. อยู่เหนือกว่าความคาดหวังของผู้อื่น

          ผู้นำที่เก่งในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมต่าง ๆ จะบริการลูกค้ามากกว่าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเขาทำด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมเรามักจะเห็นคนประสบความสำเร็จที่ออกนอกกรอบอยู่ บ่อยครั้ง

14. มีไหวพริบดี


          ผู้นำที่ยิ่งใหญ่รู้ว่าต้องทำอย่างไรให้ได้ใจลูกทีม ไหวพริบจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะดูแลลูกทีมได้อย่างถูกจุด

15. ฟังมากกว่าพูด


          ผู้นำที่ดีไม่ใช้การสนทนาเป็นโอกาสในการยกยอตัวเอง แต่จะเรียนรู้จากคู่สนทนาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การเงียบเพื่อฟังจึงเป็นการเปิดคลังความรู้ครั้งใหญ่เลยล่ะ

16. ใส่ใจกับรายละเอียด

          ผู้นำที่ประสบความสำเร็จจะทราบถึงความรับผิดชอบและผลงานของลูกทีม โดยไม่ไปก้าวก่ายรายละเอียดในการทำงาน แต่จะดูแลรายละเอียดเหล่านั้นอยู่ห่าง ๆ และพร้อมรับฟังเสมอ

17. มุ่งมั่น ตั้งใจ


          ผู้นำที่ดีเรียนรู้จากความผิดพลาด และใช้มันเป็นบทเรียนในการไปสู่เส้นชัย โดยจิตใจที่มุ่งมั่นจะทำให้มองข้ามความย่อท้อ ก้าวสู่บทเรียนต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง

18. รับฟังคำวิจารณ์

          คนที่เกรี้ยวกราดเมื่อได้รับคำวิจารณ์ ไม่สามารถเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จได้ เพราะผู้ที่ยิ่งใหญ่จะมองข้ามคำวิจารณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วก้าวต่อไป หรือนำคำวิจารณ์เหล่านั้นกลับมาปรับปรุงตัว

19. ควบคุมตัวเองได้


          ผู้นำอาจสูญเสียความเคารพจากผู้ใต้บังคับบัญชาได้ หากปล่อยให้ตัวเองทำเกินไปอยู่บ่อย ๆ ควบคุมตัวเองซะก่อนที่จะมีปัญหาภายหลังจึงเป็นคำตอบที่ถูกต้อง

20. ต้องซื่อสัตย์

          โดยเริ่มต้นจากการซื่อสัตย์ต่อตนเอง จากนั้นมันจะพัฒนาสู่การซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น เพราะความซื่อสัตย์จะทำให้เกิดความไว้วางใจ และเป็นจุดเริ่มต้นของความศรัทธา

21. รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรพูดตรง ๆ

          ผู้นำที่ฉลาดจะรู้ว่า ควรงดเว้นการพูดที่น่ารังเกียจหรือกระทบต่อเป้าหมายของเขา ในขณะเดียวกันก็รู้ว่าหากโป้ปดมดเท็จจะนำไปสู่การไม่ได้รับความเชื่อถือเช่น กัน

22. เข้าใจแรงจูงใจของผู้อื่น


          ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะสามารถถอยออกมามอง และจินตนาการถึงวิสัยทัศน์ของทั้งลูกน้องและคู่แข่งได้

23. เป็นที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ

          ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะสามารถทำให้ผู้อื่นเห็นใจ รวมถึงพึงพอใจในตัวเขาได้ เมื่อซื้อใจผู้คนได้ก็ไม่ยากอะไรที่จะก้าวสู่ความสำเร็จขั้นต่อไป และต่อ ๆ ไป

24. มีสมาธิในสิ่งที่ทำ


          ผู้นำที่ดีจะมุ่งความสนใจและพลังงานทั้งหมดสู่โครงการที่ทำในเวลานั้น ๆ เพราะความมุ่งมั่นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ประสบสำเร็จได้

25. เรียนรู้จากความผิดพลาด

          โดยเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง มากกว่าความผิดพลาดของผู้อื่น เพราะนั่นเป็นประสบการณ์ตรงที่คงสอนกันได้ยาก

26. รับผิดชอบต่อความผิดพลาดของลูกน้อง

          ไม่มีอะไรทำลายความเป็นผู้นำได้เร็วไปกว่า การปัดหน้าที่รับผิดชอบให้ผู้อื่น ลูกน้องก็คือผู้ช่วยคนสำคัญในเส้นทางสู่ความสำเร็จ อย่าโยนความผิดให้ลูกน้องแล้วเอาความดีความชอบไว้คนเดียว

27. ตระหนักถึงความสำเร็จของผู้อื่น


          ผู้นำที่ยิ่งใหญ่เข้าใจว่า บางครั้งการสรรเสริญเยินยอ ก็มีคุณค่ามากกว่าการให้เงินรางวัล และความสำเร็จของผู้อื่นก็คือแรงผลักดันที่ดี

28. ปฏิบัติต่อผู้อื่น แบบเดียวกับที่ต้องการได้รับ

          นี่คือกฎทอง ที่คาร์เนกี้ยืนยันว่า มันคือหนทางการทำธุรกิจที่ดีที่สุด เพราะนั่นคือความเท่าเทียม

29. มองโลกในแง่ดี

          บางคนยึดมั่นการคิดร้ายต่อผู้อื่นเป็นสรณะ แต่คนที่มองโลกในแง่ดีเท่านั้น ที่จะประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงได้

30. มีความรับผิดชอบในการกระทำของคนทั้งทีม


          คาร์เนกี กล่าวว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะพูดสิ่งนี้เป็นอันดับแรก เพราะมันสำคัญมาก

31. สามารถที่จะกระทำโดยปราศจากการชี้นำของอารมณ์

          ผู้นำที่ดีต้องสามารถแยกอารมณ์ออกจากเหตุผล เมื่อต้องตัดสินใจเรื่องบางอย่างที่สำคัญ อย่าปล่อยให้อารมณ์เป็นตัวตัดสิน


          การเรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ คือหนทางที่ดีในการพัฒนาตัวเราเอง ดังนั้นลองนำข้อคิดจาก คาร์เนกี ไปปรับใช้กับชีวิตนะคะ แล้วความสำเร็จจะรอคุณอยู่ไม่ไกล

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต