Wednesday, April 30, 2014

อยากเอ่ยคำว่า.....”ฉันรักเธอ”



 
ประโยคสั้นๆ อันสุดแสนลึกซึ้งกินใจและมีความหมายยิ่งใหญ่เหลือจะบรรยาย นี่คือสามคำง่ายๆ ที่คุณนึกอยากจะเอื้อนเอ่ยบอกเขาเต็มแก่เพราะความรู้สึกมันเต้นเร่าในอกและอัดแน่นอยู่ในใจใช่มั้ยล่ะ?

แต่ช้าก่อน....สาวน้อย!   อย่าเพิ่งพรวดพราดพลั้งปากออกไป  ของอย่างนี้ต้องแน่ใจตัวเองจริงๆ นะ.... ว่าสิ่งที่รู้สึกอยู่นั้นมันใช่ความรักชัวร์รึเปล่า?  แล้วก็ต้องดูตาม้าตาเรือด้วยว่ามันถึงเวลาแล้วรึยัง?  พ่อรูปหล่อเขาพร้อมจะจริงจังกับคุณด้วยมั้ย?  แล้วถ้าจะพูดออกไป...พูดยังไงถึงจะเหมาะสมดี?


ใช่ความรัก ...แน่เหรอ?

การจะบอกกับใครสักคนว่า....ฉันรักเธอเนี่ย ถือเป็นก้าวสำคัญมากๆ ในความสัมพันธ์เลยนะ!  เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งออกปาก หากยังติ๊กเครื่องหมายถูกได้ไม่ครบ 4 ข้อ ต่อไปนี้  รอเวลาจนกระทั่งเรื่องระหว่างคุณสองคนค่อยๆ พัฒนาจนแน่ใจได้ว่าจริงจังก่อนดีกว่า  ถึงเวลาเมื่อไรค่อยบอกรักกัน...แบบนี้น่าจะให้ความรู้สึกพิเศษกว่าตั้งเยอะ!

** คุณนึกถึงเขาตลอดเวลา  เรื่องราวอะไรในชีวิต คุณก็อยากจะร่วมแบ่งปันเขาไปซะทั้งนั้น  แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเมื่อตอนมื้อกลางวันกินอะไรมา  คุณยังอยากบอกเขาเลย

** อยู่กับเขาแล้วมีความสุข  ก็เขาทำให้คุณยิ้มได้ หัวเราะสนุกสนานได้อยู่เสมอ  คุณเลยพยายามจะใช้เวลาอยู่กับเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

** เขาไม่ทำให้คุณต้องรู้สึกหวั่นไหว  คุณไม่เคยกังวลเลยว่าเขาจะรู้สึกยังไงกับคุณหรือในคืนที่เขาออกเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนหนุ่มๆ โดยไม่โทรศัพท์มาหาเลย....คุณก็ไม่ต้องมัวหวาดระแวง

** ความรู้สึกของคุณมั่นคง 100%   แม้ในยามที่เขาทำตัวไม่เข้าท่า น่ารำคาญ หรือคุณสองคนเกิดทะเลาะกันขึ้นมา ความรู้สึกในใจของคุณก็ยังแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง


แล้วจะบอกยังไง .... เมื่อไหร่

จง ... ใคร่ครวญซะก่อน
ความรักเป็นความรู้สึกอันแสนวิเศษ คุณจึงควรเก็บความรู้สึกนี้ไว้ให้นานหน่อยเพื่อคิดพิจารณาให้รอบคอบ เมื่อถึงคราวเอ่ยออกไป จะได้แน่ใจว่าไม่ใช่แค่เผลอพลั้งปากเพราะอารมณ์ชั่วแล่น
 

อย่า ... ด่วนจู่โจม
คบกันมาแค่เดือนสองเดือนมันเร็วเกินไปนะหนู!  ความปลื้มว่าเขาช่างเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์เลยเลิฟเขาสุดๆ น่ะ มันเป็นแค่อารมณ์ในช่วงแรกเท่านั้นแหละ  รอให้ความสัมพันธ์พัฒนาจนลึกซึ้งขึ้นก่อนเถอะ รับรองจะแฮปปี้กว่าช่วงเริ่มต้นนี้แน่ๆ


จง ... บอกเขาหลังจากการเดท
อาจจะเป็นคืนอันแสนสุข  กินมื้อค่ำหรือไปฟังเพลงด้วยกันเสร็จ  แล้วปิดท้ายด้วยการกระซิบกับเขาว่า ฉันรักเธอนะ  ในที่สุด แบบนี้แหละ ... จะเป็นช่วงเวลาพิเศษที่คุณเก็บเป็นภาพแห่งความทรงจำไปตราบนานเท่านาน


อย่า ... บอกเขาหลังจากทะเลาะกัน
การบอกรักกันเป็นครั้งแรกนั้น ควรจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ไม่ใช่ในขณะร้องไห้ร้องห่มขอโทษขอโพย  (ซึ่งอารมณ์กำลังพลุ่งพล่านไม่ค่อยมีสติซะด้วย)  หรือบอกเขาเพียงเพราะอยากให้เขายกโทษให้คุณเท่านั้น!
  

จง ... จุ๊บแก้มประกอบด้วย!
เมื่อบอกความรู้สึกที่คุณมีต่อเขาไปแล้ว จงบวกด้วยการจุ๊บแก้มเขาเบาๆ อย่างอ่อนหวานต่อท้ายเข้าไปด้วย  นอกจากการจุ๊บจะเป็นตัวเสริมให้ความหมายของสิ่งที่พูดนั้นพิเศษขึ้นแล้ว ยังอาจช่วยเร่งอารมณ์ความรู้สึกของเขาขึ้นมาให้อยู่ในระดับเดียวกับคุณก็ได้นะ!

อย่า ... พูดจาออกตัวจนยืดยาว
เป็นต้นว่า... ฉันรักเธอนะ แต่เธอยังไม่ต้องบอกรักฉันก็ได้ ไม่เป็นไร คือถ้าเธอยังไม่พร้อมน่ะนะ เพียงแต่ฉันอยากบอกให้เธอรู้เท่านั้นเอง แบบว่า.." ถ้าคุณยังไม่ชัวร์ว่าเขาพร้อมจะบอกรักคุณกลับมารึเปล่า ก็อย่าเพิ่งพูดออกไปเลยจะดีกว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นการกดดันเขาซะเปล่าๆ

แหล่งที่มา  Seventeen Thailand  June 2010
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Thursday, April 24, 2014

5 วิธีรับมืออาการอกหัก เมื่อความรักไม่เป็นอย่างที่คิด




        ไม่มีใครต้องการให้ความรักหรือความสัมพันธ์จบลง แต่ทว่าในความสัมพันธ์นั้นก็ประกอบด้วยหลายสิ่งหลายอย่างที่ต่างก็เป็นเหตุให้สิ่งสวยงามตรงหน้านั้นมีอันต้องพังทลายไป ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องเสียใจเพราะความรักมันสั้นกว่าที่หวังเอาไว้ ก็ไม่ควรทำให้ด้านอื่น ๆ ของคุณต้องมืดดำไปด้วย และก่อนที่ชีวิตจะเดินผิดทาง มารักษาหัวใจของคุณให้แข็งแรงด้วย 5 วิธีรับมือหลักของการอกหักกันดีกว่า

1. ไม่ควรโทษว่าเป็นความผิดของคุณฝ่ายเดียว

          สิ่งแรกที่คุณจำเป็นต้องทำหลังอกหักเลย ก็คือ การหยุดกล่าวหาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันเป็นเพราะคุณฝ่ายเดียว เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้คุณรู้สึกเสียใจ เสียดาย กดดัน และเครียดมากขึ้นอีกด้วย และเหตุดังกล่าวก็อาจจะนำคุณไปสู่การตัดสินใจผิด ๆ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งไม่คุ้มค่ากันเลย อีกทั้งความสัมพันธ์ที่แตกหักก็เกิดขึ้นจากคุณทั้งคู่ เมื่อคุณพยายามและทำในส่วนของคุณดีที่สุดแล้วแต่ไม่มีอะไรดีขึ้นก็ควรปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น

2. ไม่ควรคิดแก้แค้น หรือทำประชดประชัน

          ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะนอกใจหรือบอกเลิกคุณ คุณก็ไม่ควรจะเก็บสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้คุณเสียใจมาคิดต่อ เพื่อจะแก้แค้น ประชดประชัน หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเขา เพราะนอกจากจะเป็นการกระทำที่เสียเวลาเปล่าแล้ว ยังเป็นการกระทำที่เป็นการปิดกั้นตัวเองออกจากโอกาสใหม่ ๆ ที่อาจจะกำลังเดินทางมาหาคุณในเร็ว ๆ นี้ด้วย

3. ใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ครอบครัว และสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข

          ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพื่อนที่คุณมีหรือคนในครอบครัวของคุณทุกคนต่างก็พร้อมที่ยืนเคียงข้างคุณ ด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้น พวกเขาจึงเป็นคน 2 กลุ่ม ที่คุณควรนึกถึงและใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับพวกเขาให้มากที่สุด โดยเฉพาะในเวลาแบบนี้ เพราะพวกเขาเป็นคนที่จะอดทนรับฟังเรื่องราวที่คุณอยากระบาย อีกทั้งอาจจะมีคำปลอบใจดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถก้าวต่อไปได้อีกด้วย

4. ทำในสิ่งที่ควรทำและเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น

          แม้ว่า "ความรัก" ของคุณจะจบลงไปแล้วและไม่สวยงามสักเท่าไหร่นัก แต่อย่าลืมในชีวิตของคนเรานั้นมีเรื่องสำคัญอีกมากมายที่คุณควรให้ความสนใจ และความรักก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต ดังนั้น จึงไม่ควรปล่อยให้ความรักมาทำลายชีวิตของคุณ คงจะดีกว่าหากคุณเลือกทำในสิ่งที่ควรทำ อีกทั้งเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น อย่างเช่น การเพิ่มความรู้ หรือพัฒนาความสามารถ เพื่อทำให้อนาคตของคุณดีขึ้น

5. เติมเต็มชีวิตด้วยช่วงเวลาที่น่าประทับใจ

          แม้ในตอนนี้อีกฝ่ายจะเดินออกจากชีวิตคุณไปแล้ว และเขาก็ทำให้คุณเจ็บมากมายแค่ไหน ก็จดจำเอาไว้เฉพาะส่วนดี ๆ กับเรื่องราวที่น่าประทับใจเท่านั้นก็พอแต่ถ้าการจดจำเรื่องดี ๆ ของเขา มันทำให้คุณลืมเขายากขึ้น จะเลือกจดจำเรื่องร้าย ๆ ของเขาก็ไม่ว่ากัน หากมันเป็นสิ่งที่ทำให้คุณสามารถลืมอีกฝ่ายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

          ในชีวิตของคนเราต่างมีโอกาสพบเจอกับคนอีกมากมาย อีกทั้งความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นและเพิ่งจบไปก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายในชีวิต คุณยังมีโอกาสที่ได้รับความรักและมอบความรักให้กับใครสักคนอีกมากมาย เพียงแค่คุณรักษาหัวใจให้แข็งแรง และเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้คนใหม่ ๆ บ้าง

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Wednesday, April 23, 2014

วิธีจีบสาวให้ติดด้วย 5 วิธี






1. วิธีจีบสาวให้ติดอย่างแรก อย่าคบเธอเหมือนเพื่อน อย่าคุยกับเธอแบบเพื่อน อย่าปฏิบัติกับเธอแบบเพื่อน เพราะถ้าทำแบบนั้น คุณก็จะได้เป็นเพื่อนเธอจริงๆ เดี๋ยวเธอพลอยจะเข้าใจผิดคิดว่าคุณเป็นแค่เพื่อน หรือไม่ก็เป็นกิ๊กคนหนึ่งของเธอเท่านั้น ถ้าคุณพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเธอก่อนความรักจะก่อตัวขึ้น เธอก็จะคิดว่าคุณเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งทันที ยิ่งนานวันไป ความสัมพันธ์ควรจะเบ่งบาน แต่มันก็บานได้แค่ความเป็นเพื่อน ไม่ก้าวถึงความเป็นแฟนสักที ดีไม่ดีโดนคนอื่นคว้าไปอีก ฉะนั้น ถ้าคิดจะคบเธอเป็นแฟน ก็จงคบแบบแฟนตั้งแต่เริ่มแรกเลย

2. วิธีจีบสาวให้ติดอย่างที่สอง พยายามทำเซอร์ไพรส์เธอบ้าง รู้รึปล่าว่าผู้หญิงน่ะชอบเรื่องเซอร์ไพรส์มากๆ ต่อให้เธอปากแข็งแค่ไหน เชื่อเถอะว่าเธอชอบความตื่นเต้นเร้าใจ และลึกลับ มากกว่าที่จะรู้จักคุณหมดไส้หมดพุง เพราะอย่างนั้น มันก็เหมือนหมดความน่าตื่นเต้นในตัวเองน่ะซิ ให้ข้อมูลตัวคุณกับเธอบ้างบางครั้ง กระตุ้นให้เธออยากรู้อยากเห็น อย่าให้เธอรู้เชียวว่าคุณกำลังเดินหมากอย่างไร สร้างความประทับใจและยวนใจเธอเข้าไว้ แล้วเธอจะเดินเข้ามาหาคุณเอง

3. วิธีจีบสาวให้ติดอย่างที่สาม คุณต้องเป็นฝ่ายอยู่นิ่งๆ บ้าง พยายามอย่าเผยไต๋ตั้งแต่เริ่มต้น พยายามที่จะไม่ใช่ฝ่ายไล่ตาม อย่าเคลื่อนไหวก่อน ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว การที่คุณจะรุกหญิงสาวสักคนหนึ่งก่อน พึงตระหนักไว้ว่า มันอาจทำให้เธอรำคาญได้ง่ายๆ อยู่นิ่งๆ แล้วหยั่งเชิงก่อนว่าเธอสนใจคุณหรือเปล่า หรือคุณสนใจเธอจริงหรือเปล่า ถ้าใช่ ค่อยๆ เผยให้เธอรู้ทีละน้อย แต่อย่าอ่อยนานนักล่ะ เดี๋ยวเธอจะหลุดหายไปจากวงโคจรเสียก่อน

4. วิธีจีบสาวให้ติดอย่างที่สี่ คุณผู้ชายต้องหันมาสนใจตัวเองบ้าง ดูแลตัวเอง ดูแลการแต่งตัว ทักษะการพูด บุคลิค น้ำหอม เพิ่มเสน่ห์ให้ตัวเองเข้าไปเลย ดีกว่าไม่ทำอะไรแน่ๆ ด้วยกลิ่นกายที่หอมกรุ่น ผิวพรรณที่ชวนมอง อ้าว! ว่าไม่ได้ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขาดูผู้ชายที่ผิวพรรณด้วยนะ ประเภทผิวหยาบกร้าน ยอมรับว่ามีบางกลุ่มที่ชอบ แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นหนุ่มผิวดี มักเข้าตากรรมการสาวมากกว่า ที่สำคัญคือลมหายใจและกลิ่นปากต้องสดชื่น แต่งตัวสะอาดชวนมอง ประเภทเฮฟวี่น่าจะหมดยุคไปแล้ว แต่งให้ดูแล้วน่าคบหาสมาคมและดูสุภาพไว้ก่อน น่าจะเรียกคะแนนความนิยมได้ง่ายกว่า

5. วิธีจีบสาวให้ติดอย่างที่ห้า พยายามทำตัวให้มีอารมณ์ขัน พยายามหามุกลกหรือทำอะไรเปิ่นให้เธอขำบ้าง อย่าเครียดใส่เธอเด็ดขาด เพราะว่าผู้หญิงน้อยคนจะชอบผู้ชายที่เต็มไปด้วยความเครียด

แหล่งที่มา  http://www.thaithesims3.com/topic.php?topic=75446,
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Tuesday, April 22, 2014

วิธีสังเกตผู้หญิงว่ารักจริงหรือแค่หลอกคบไปวัน ๆ


         เคยไหม...ขณะที่คุณกำลังศึกษาดูใจกับผู้หญิงสักคนหนึ่งอยู่ บ่อยครั้งที่คุณต้องกลับมานั่งถามตัวเองว่า เธอมีความรู้สึกดี ๆ และอยากจริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้แน่หรือเปล่า เพราะบางทีเธอก็ดูเอาใจใส่จนทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นคนพิเศษสำหรับเธอ ทว่าหลายครั้งกลับละเลย ไม่แคร์ว่าบางอย่างที่เธอทำมันสร้างบาดแผลในใจคุณแค่ไหน หากไม่อยากให้หัวใจหมดแรง จนไร้ความรู้สึกกับความรักมากไปกว่านี้ ลองมาดูวิธีจับสังเกตที่เรากำลังจะมาบอกกันก่อนเลยดีกว่

เธอบอกว่าตัวเองเป็นคนโลกส่วนตัวสูงงงงง

          ผู้ชายอย่างเรา ๆ เข้าใจกับคำว่าโลกส่วนตัวหรือต้องการพื้นที่ชีวิตของตัวเองอยู่พอสมควร เพราะหลาย ๆ ครั้งเราเองก็อยากคลุกคลีอยู่กับก๊วนเพื่อนผู้ชายบ้างเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ประเภทว่ามาเจอคุณวันสองวัน แล้วจู่ ๆ ก็พลันเงียบหายไปเป็นอาทิตย์ พร้อมข้ออ้างต่าง ๆ นานาที่หยิบยกมาพูดเพื่อให้ตัวเองรู้สึกผิดที่ทำตัวห่างเกินให้น้อยลง ไม่ว่าจะเป็น "ฉันก็เป็นคนติสท์ ๆ แบบนี้อยู่แล้ว" หรือ "ฉันอยากมีเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง" ทั้งที่จริง ๆ แล้ว สาวเจ้าแอบคุยกับหนุ่ม ๆ คนอื่นอยู่ต่างหาก ของแบบนี้ถ้าเรารู้จักสังเกต รวมทั้งพึ่งพาเซ้นส์ของตัวเองไปพร้อม ๆ กัน คุณอาจจับได้ว่าไอ้โลกส่วนตัวที่ฝ่ายหญิงว่านั้นมีคนอื่นเข้าไปแชร์อยู่ด้วย น่ะสิ
แสดงออกว่าคุณเป็นแค่เพื่อนสนิทคนหนึ่ง

          อาการก้ำกึ่งที่สาวของคุณแสดงออก มันทำให้คุณสับสนอยู่ไม่น้อยใช่ไหมล่ะว่า เอ...ตกลงว่าคิดยังไงกับคุณกันแน่ เพราะเวลาไปไหนด้วยกันก็มาจับมือถือแขน หรือบางทีถึงกับโอบกอดด้วยซ้ำไป แต่พอคุณถามเรื่องสถานะความสัมพันธ์ทีไร เธอกลับให้คำตอบที่ทำเอาเงิบไปว่า "เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ แค่เพื่อนสนิทคนหนึ่งเท่านั้น ฉันยังไม่พร้อมจะเรียกใครว่าแฟนหรอก" เอิ่ม ถ้ายังไม่พร้อมก็อย่าทำให้ผู้ชายคิดเองสิครับ  

เพื่อนสนิทเธอไม่รู้จักคุณด้วยซ้ำ

          เป็นเรื่องปกติที่สาว ๆ มักจะเม้ามอยหรือพูดถึงคนที่กำลังคบหาดูใจอยู่ให้บรรดาเพื่อนสนิทฟัง หรือต้องมีพาไปแนะนำให้รู้จักบ้างแหละ แต่ถ้าคุณคบกับเธอไปได้สักระยะนึงแล้ว คุณไม่เคยเจอเพื่อน ๆ ของเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว หรือถ้าเจอแต่ก๊วนเพื่อนของเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเป็นใคร ทำใจไว้เลย สัญญาณเตือนภัยว่าโดนหลอกใช้มันดังขึ้นแล้ว

เธอไม่เคยบอกใครว่าคุณเป็นแฟน

          เคยไหม ? เวลาคุณสองคนออกไปไหนด้วยกันแล้วบังเอิญเจอคนรู้จักเข้า ผู้หญิงข้างกายจะบอกว่าคุณเป็นแค่เพื่อน ไม่ใช่แฟน ทั้งที่เวลาอยู่กันสองคน เธอก็มักบอกว่าคุณเป็นคนพิเศษเสมอ ถ้าผู้หญิงจริงใจและจริงจัง รับรองว่าเธอจะไม่พูดอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกน้อยใจแบบนี้หรอก กลับกันเธอจะแนะนำอย่างภาคภูมิใจเมื่อถูกถามว่าคุณคือแฟนที่คบหาดูใจกันอยู่ หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณอยู่ล่ะก็ ลองถอยออกมาจากจุดยืนที่ไม่ชัดเจนที่เธอขีดไว้เถอะครับ

เธอไม่แน่ใจว่าสถานะระหว่างคุณกับเธอคืออะไร

          ไม่มีใครอยากคบกันไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าสถานะระหว่างเราเป็นเครื่องหมายคำถาม (?) หรอก ผู้ชายอย่างเราก็ต้องการความชัดเจนเหมือนกัน อยากเรียกเธอว่าแฟนได้เต็มปาก แต่ครั้นพอถามเธอทีไร ฝ่ายหญิงก็อึกอัก อ้ำอึ้ง เลี่ยงไม่ตอบคำถามอยู่เรื่อยไป จริงอยู่ที่บางครั้งเธออาจยังไม่พร้อมหรือไม่แน่ใจ แต่หากวันเวลาผ่านไปเนิ่นนานพอสมควร มันก็ถึงเวลาที่ต้องให้คำตอบแล้วล่ะ ถ้าท้ายที่สุด ฝ่ายหญิงก็ยังเงียบ บางทีความเงียบก็คือคำตอบว่า "เราเป็นแค่เพื่อนกันดีกว่า"

เธอพูดถึงความรักในอดีตอยู่เสมอ

          หลาย ๆ คนต่างก็ต้องเคยมีอดีตกันทั้งนั้น ซึ่งก็ทั้งเรื่องที่น่าจดจำและน่าจะลืม ทว่าหากเธอชอบเอาแต่เรื่องราวความรักครั้งเก่ามาคุยกับคุณบ่อย ๆ จนทำให้คุณแอบคิดในใจว่า "เฮ้ย ! แล้วผู้ชายในปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้านี่ล่ะ ไม่คิดจะพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันหน่อยเหรอ" เจอแบบนี้คุณคงต้องทำใจบ้างแล้วว่าเป็นได้แค่ที่ปรึกษา...แค่เท่านั้น

เธอมีอิทธิพลในความสัมพันธ์ครั้งนี้

          ถ้าคุณรู้สึกว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้ทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า ไม่มีส่วนในการตัดสินใจใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกำมือของฝ่ายหญิง เพราะเกิดไม่ยอมเธอก็จะงอนบ้าง วีนใส่บ้าง แบบนี้ก็พอบอกได้แล้วว่าคุณเป็นได้แค่ผู้ชายที่เธอแค่หลอกใช้เท่านั้น ไม่ได้หวังจะจริงจังถึงขนาดปล่อยให้แชร์ความคิด ปล่อยให้คุณตัดสินใจ

เธอต้องการให้คุณฟังเรื่องของเธอฝ่ายเดียว

          การได้รับรู้เรื่องราวในชีวิตของฝ่ายหญิง หรือความรู้สึกนึกคิดของเธอถือเป็นสัญญาณที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะนั้นหมายความว่าเธอยอมเปิดใจบอกเล่าสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตให้คุณได้รับรู้ แต่กรณีที่ฝ่ายหญิงบังคับให้ฟังเธออยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ไม่เคยรับฟังเรื่องของคุณบ้าง อันนี้ผิดปกติแล้วนะ เพราะถ้าเธอสนใจคุณจริงย่อมต้องอยากรู้ความเป็นไปในชีวิตคุณบ้าง

เธอมีรักเร้นแอบซ่อนอยู่

          อย่าเพิ่งหลงระเริงไป หากคิดว่าการที่เธอใช้เวลาอยู่กับคุณเยอะ แชทหา โทรคุยเป็นประจำ ซื้อของมาฝาก หรือหยอดคำหวานให้หัวใจคุณกระชุ่มกระชวยตลอดคือความรักที่แท้จริง ใครจะรู้ล่ะ...ฝ่ายหญิงอาจทำพฤติกรรมแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นไปด้วยก็ได้ หรือต่อให้คุณจับได้ว่าเธอกำลังดูใจทับซ้อน เธอก็ไม่แยแสความรู้สึกคุณอยู่ดี รับไม่ได้ก็ไป ทนได้ก็อยู่ต่อ 

          ผู้ชายบางคนรู้ทั้งรู้ว่าผู้หญิงหลอกใช้ แต่ก็ยังยอมให้เธอย่ำยีความรัก ความจริงใจที่มีให้อย่างจริงจัง ทว่าต้องไม่ลืมเช่นกันว่าตัวเองก็มีคุณค่ามากพอที่จะไม่เป็นแค่ตัวเลือกของ ใคร แต่จงเลือกก้าวออกมาจากความสัมพันธ์ที่ไร้ความหมาย เพื่อเปิดตาเปิดใจรอเจอคนที่รักจริงจะดีกว่าครับ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Monday, April 21, 2014

9 ทฤษฎีความรักของชีวิตคู่ ลืม ๆ ไปบ้างก็ดี




          เราต่างก็เคยได้ยินทฤษฎีเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขกันมากมาย ซึ่งอาจจะเขียนหรือบอกเล่าโดยคนที่มีประสบการณ์มาก่อน อย่างเช่น พี่น้อง พ่อแม่ เพื่อน หรือคนอื่น ๆ เป็นต้น เชื่อว่าก็คงมีประโยชน์กับคู่แต่งงานใหม่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่บางครั้งทฤษฎีบางเรื่องก็เก่าเกินไปที่จะนำมาปรับใช้กับชีวิตคู่ของคุณ โดยเฉพาะ 9 ทฤษฎีชีวิตคู่ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งคงจะส่งผลดีกับชีวิตคู่ของพวกคุณมากกว่า หากคุณลืมทฤษฎีเหล่านี้ไปบ้าง

1. การทะเลาะมักจะนำไปสู่การหย่าร้าง

           สิ่งแรกที่อยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน ก็คือ การหย่าร้างมาจากปัญหาที่คน 2 คน ไม่สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้ ไม่ได้เกิดจากการทะเลาะกันอย่างที่หลายคนเข้าใจ และการทะเลาะกันบางครั้งก็นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่มั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้นด้วย เพราะไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะมีความชอบเหมือนกันไปหมดเสียทุกอย่าง และหลังการทะเลาะก็มักจะมีการปรับความเข้าใจกัน ฉะนั้น คุณไม่จำเป็นต้องกลัวเลยว่าการทะเลาะจะนำไปสู่การหย่าร้างอย่างที่คิด

2. ห้ามนอนแยกเตียงหลังแต่งงาน

           การที่คู่รักนอนแยกเตียงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่หลาย ๆ คนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ ทั้งที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย คุณสามารถนอนแยกเตียงกันได้หลังแต่งงาน ในขณะที่ความสัมพันธ์ก็ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ นอกจากนี้ ยังเป็นวิธีที่ช่วยลดปัญหาการนอนด้วย โดยเฉพาะคนที่มีคนรักที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอน อย่างเช่น การกรน กัดฟัน หรือหายใจแรง เป็นต้น

3. ว่างเมื่อไหร่ต้องหาเวลาอยู่ด้วยกันตลอด

           ก่อนที่จะแต่งงานต่างคนต่างก็มีพื้นที่ส่วนตัวและสังคมของตัวเอง ฉะนั้น ถึงแม้ทฤษฎีส่วนใหญ่จะแนะนำให้คู่รักใช้เวลาอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาว่างหรือ วันหยุด แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำตามทฤษฎีเหล่านั้นเสมอไป และความรักของคุณจะดียิ่งกว่าหากต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้างในบาง ครั้ง อย่างเช่น ออกไปสังสรรค์กับเพื่อน กินข้าวกับครอบครัว หรือทำสิ่งที่ชอบคนเดียว จะได้มีเวลาให้คิดถึงกันอย่างไรล่ะ

4. ห้ามเข้านอนในขณะที่ยังโกรธ

           นอกจากนี้ หลายทฤษฎียังบอกด้วยว่าห้ามเข้านอนในขณะที่คุณยังรู้สึกโกรธเคืองอยู่ เพราะจะพาลให้นอนไม่หลับกันทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งในความเป็นจริงคงไม่มีใครสามารถระงับความโกรธที่ยังคุกรุ่นให้ดับลงได้จนถึงเวลานอนหรอก อีกทั้งหลายต่อหลายครั้งที่พบว่า การกดอารมณ์โกรธก่อนเข้านอนยังทำให้นอนหลับยากขึ้นด้วย ฉะนั้น ก็ปล่อยอารมณ์ไปตามธรรมชาติแล้วเข้านอนดีกว่า ไม่แน่ว่าช่วงเวลาที่คุณนอนอาจจะคิดอะไรได้มากขึ้นก็ได้

5. แชร์ทุกสิ่งที่คุณชอบกับคนรัก

           ต่างคนต่างก็มีความชอบที่แตกต่างกัน ดังนั้น ถึงแม้ว่าคุณจะแต่งงานไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องบังคับให้อีกฝ่ายชอบเหมือนคุณ หรือพยายามชอบตามอีกฝ่ายก็ได้ และไม่ต้องกลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกคุณห่างเหินกัน เพราะยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้คุณกับคนรักแชร์ประสบการณ์และใช้เวลาร่วม กัน อย่างเช่น เรื่องงาน ครอบครัว หรือเพื่อน ๆ

6. ต้องทำให้ชีวิตคู่ดูตื่นเต้นตลอดเวลา

           บ่อยครั้งแค่ไหนที่เราได้ยินประโยคแบบนี้ ทั้งที่จริงแล้วคุณไม่จำเป็นต้องหากิจกรรมหรืออะไรก็ตามมาทำให้ชีวิตของคุณเต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นหรือน่าสนใจ เพื่อรักษาชีวิตคู่เลย เพราะสิ่งสำคัญของชีวิตการแต่งงาน ก็คือ การอยู่ด้วยกันแล้วต่างฝ่ายต่างรู้สึกสบายใจ ได้ใช้เวลาร่วมกัน อาจจะเซอร์ไพรส์คนรักบ้างตามโอกาสต่าง ๆ แต่ไม่จำเป็นต้องบ่อยนักก็ได้

7. ซื่อสัตย์กับคนรักทุกเรื่อง

           จริงอยู่ที่การเป็นคนรักกันควรจะซื่อสัตย์ต่อกันทุกเรื่อง แต่บางเรื่องที่เห็นว่าหากทำหรือพูดออกไปมีโอกาสทำให้คุณสองคนผิดใจกันมากกว่า ก็ควรจะเปลี่ยนเพื่อความสบายใจของคนรักบ้างก็ได้ อย่างเช่น คนรักของคุณเพิ่งตัดผมมาใหม่ และดูท่าทางเขาจะมั่นใจเหลือเกินว่าเป็นทรงที่เหมาะสมกับเขา ทั้ง ๆ ที่คุณกลับเห็นตรงกันข้าม ในกรณีนี้ก็คงลำบากใจที่จะพูดตรง ๆ เพราะอาจทำให้เขาเสียความมั่นใจไปเลย ดังนั้น อาจจะชมบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องนี้เลยก็ได้

8. ห้ามมีเพื่อนต่างเพศ

           หลังแต่งงานคุณก็ยังมีเพื่อนต่างเพศได้เหมือนเดิม เพราะเพื่อนอย่างไรก็ยังเป็นเพื่อน ที่สำคัญคงไม่มีใครกล้าคิดเกินเลยกับคนที่แต่งงานแล้ว แต่ในกรณีที่คนรักของคุณเป็นคนขี้หึง ก็ควรจะพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกัน คุณกับเพื่อนจะได้คบหากันได้อย่างสบายใจเหมือนเดิม

9. ชีวิตคู่จบทันทีหากไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นต่อกันแล้ว

           หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปสักระยะ แล้วความรู้สึกตื่นเต้นจากช่วงที่คบกันแรก ๆ หายไปก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอยู่แล้ว อีกทั้งจะกลัวไปทำไมหากความรักความผูกพักของพวกคุณยังอยู่ ซึ่งเป็น 2 สิ่งสำคัญที่ช่วยประคองชีวิตคู่ของคุณให้อยู่ร่วมกันไปได้ตลอดมากกว่าความ รู้สึกตื่นเต้นเสียอีก

           ทั้งนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าทฤษฎีความรักทั้งหมดนี้เป็นเรื่องผิด เพียงแค่จะบอกว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำตามที่ทฤษฎีบอกไว้ทั้งหมดก็ได้ บางข้อลืม ๆ มันไปบ้างก็น่าจะดีกว่า คุณกับคนรักจะได้ใช้ชีวิตคู่ร่วม กันอย่างมีความสุขโดยไม่มีสิ่งใดมาบังคับ หรือทำให้พวกคุณรู้สึกอึดอัดอย่างที่ผ่าน ๆ มา ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะต้องเลิกกันเพราะทำตามทฤษฎีมากไปก็ได้

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต