Sunday, August 31, 2014

12 เทคนิคกันสมองเหี่ยว



           เรื่องของการปลุกระดมสมองให้สดชื่นแจ่มใสเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ต้องการ เพราะเมื่อสมองแจ่มใส ปลอดโปร่ง อะไรก็ดีตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น การฟัง พูด อ่าน เขียน จดจำ หรือความคิด

           กลับกัน หากสมองเหี่ยว ฝ่อ ไม่สดใส อาจจะเกิดจากความเครียด หรือการหมกมุ่นกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนาน ๆ หรือ ขาดการพักผ่อน ทักษะดังกล่าวก็จะลดน้อยถอยไป กรรมวิธีที่จะทำให้สมองแข็งแรงไปอย่างยืนยาวนั้น มีเทคนิคมาแนะนำคุณ ๆ ดังนี้

          
1. ดื่มน้ำให้พอ เพราะสมองของคนเราประกอบด้วยน้ำถึง 85% ดังนั้นเมื่อร่างกายขาดน้ำ สมอง ก็จะทำงานช้าลง ทำให้กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดอะไรไม่ค่อยออก

           แต่การดื่มน้ำนั้น แต่ละคนจะมีความต้องการน้ำไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับน้ำหนัก และพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งการเคลื่อนไหว และการบริโภค แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำวันละ 3-5 ลิตร ส่วนเด็ก 2-3 ลิตร

          
2. หายใจลึก ๆ ช่วยส่งพลังงานไปถึงสมอง ถ้านั่งหายใจ หลังก็ควรจะตั้งตรง จะช่วยให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น และถ้านั่งนานเกินไปควรเปลี่ยนอิริยาบถ ยืดเส้น ยืดสาย เพื่อให้ปอดขยาย

          
3. เลือกรับประทานอาหาร ที่มีไขมันดีทดแทนไขมันในสมองที่สึกหรอ อาทิ น้ำมันปลา สารสกัดจากใบแปะก๊วย ปลาแซลมอน อีฟนิ่งพริมโรส วิตามินซี

          
4. ตั้งโปรแกรมให้สมอง โดยใช้ความตั้งมั่นตั้งใจอย่างจริงจัง สมองจะค่อย ๆ ปรับพฤติกรรมให้ไปสู่เป้าหมายได้

          
5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ไปกระตุ้นพลังออร่าให้สว่างสดใสจะช่วยดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต

          
6. ฝึกสมาธิพัฒนาอารมณ์ให้สมองผ่อนคลาย จะช่วยทำให้มีจินตนาการมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำได้ทั้งตื่นเช้าหรือก่อนนอนทุกวัน

          
7. ออกกำลังกาย กระตุ้นการทำงานของสมองพร้อมกับดื่มน้ำบ่อย ๆ

          
8. หาอะไรใหม่ ๆ ให้ ชีวิต เช่น รู้จักคนใหม่ ๆ อ่านหนังสือเล่มใหม่ ขับรถเส้นทางใหม่ หรือแลกเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ๆ กับเพื่อน สมองจะหลั่งสารแห่งความสุข (เอ็นดอร์ฟิน) และสารแห่งการเรียนรู้ โดปามีน ทำให้เกิดการอยากเรียนรู้อย่างมีความสุข

          
9. รู้จักให้อภัยและลดความโกรธ จะทำให้สูญเสียพลังงานน้อยลง และยังเป็นการช่วยลดภาระให้กับสมอง

          
10. พูดเรื่องดี ๆ กับตัวเองซ้ำ ๆ ให้เกินวันละ 100 ครั้ง

          
11. บันทึกสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันลงในสมุดบันทึก ช่วยทำให้สมองคิดในเชิงบวก ทำให้หลับฝันดี มีสมาธิ

          
12. พักผ่อนให้เพียงพอ โดยช่วงเวลา 21.00 น. จะเป็นช่วงเวลานอนที่ดีที่สุด

           เรื่องนี้ไม่ใช่เหมาะสำหรับเด็ก แต่เป็นเรื่องที่ทุกเพศ ทุกวัยสามารถปฏิบัติได้เป็นการยืดอายุสมอง ให้อยู่กับเราไปได้นานเท่านาน!!


แหล่งที่มา  ประชาชาติธุรกิจ, http://health.kapook.com/view4270.html

Friday, August 29, 2014

9 อันดับแรกของผู้หญิง ที่ผู้ชายให้ความสนใจ




         ผู้หญิงอาจจะคิดว่าผู้ชายให้ความสำคัญกับเรื่องรูปร่างและหน้าตาของผู้หญิงเป็นอันดับแรก ทั้งที่ความจริงแล้วผู้ชายก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องเหล่านี้อย่างที่คิด เพราะสำหรับพวกเขามีเรื่องอื่น ๆ ในตัวผู้หญิงที่น่าสนใจอีกมากมาย แต่ 9 ส่วนต่อไปนี้ คือ สิ่งสำคัญที่สามารถสะกดสายตาของพวกเขาได้เป็นอย่างดี ถ้าอยากรู้มีส่วนใดบ้างก็ตามไปดูกันเลย   

1. รอยยิ้ม

          รอยยิ้มที่สวยงามเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ชายรู้สึกประทับใจได้มากทีเดียว โดยเฉพาะนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เจอหน้ากัน เพราะรอยยิ้มเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นดูสดใส ร่าเริง มีชีวิตชีวา และงดงาม แม้ใบหน้าจะไร้การตกแต่งใด ๆ ก็ตาม ฉะนั้น หลังจากนี้ลองยิ้มให้กับคนรอบข้างมากขึ้น เชื่อว่าไม่นานจะได้พบกับผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝันอย่างแน่นอน

2. ดวงตา

          อีกหนึ่งสิ่งที่อยู่ในความสนใจของผู้ชายไม่แพ้กัน และเชื่อว่าหลายคนก็น่าจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ ฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมผู้ชายหลายคนชอบมองไปที่ดวงตาของผู้หญิง เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเธอ และมันก็ง่ายมากสำหรับการค้นหาว่าสิ่งที่พูดออกมาเป็นเรื่องจริงหรือคำโกหกกันแน่

3. เส้นผม

          มีผู้ชายจำนวนไม่น้อยเลยที่เปรียบเทียบระดับความสวยจากสุขภาพของเส้นผม โดยผู้ชายส่วนใหญ่จะชื่นชอบผู้หญิงที่มีเส้นผมสุขภาพดี ดูเงางาม นุ่มสลวย และรู้จักการจัดแต่งทรงผมให้เป็นระเบียบ อีกทั้งยังหลงใหลเป็นพิเศษสำหรับผู้หญิงที่ปล่อยให้เส้นผมพลิ้วไหวตามธรรมชาติ พร้อมทั้งมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ

4. รูปร่าง

          แม้ผู้ชายหลายคนจะไม่ได้ใช้เรื่องรูปร่างเข้ามาตัดสินนิสัยกับบุคลิกต่าง ๆ ที่เป็นตัวเธอและพิสูจน์ความรักที่มีให้กัน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเรื่องรูปร่างของผู้หญิงก็ช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้ชายได้ไม่น้อยเลยเช่นกัน โดยเฉพาะส่วนโค้งส่วนเว้า ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก เอว สะโพก หรือส่วนอื่น ๆ ที่ทำให้ผู้หญิงดูเป็นผู้หญิง

5. หน้าอก

          ผู้หญิงส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าหน้าอกเป็นส่วนแรกที่ผู้ชายให้ความสนใจเวลาเจอผู้หญิง ทั้งที่ความจริงแล้วก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสียทุกคน เพราะมีหลายผลสำรวจที่แสดงให้เห็นว่าผู้ชายจะมองหน้าอกเป็นอันดับรองลงมา หลังจากที่เขาได้เห็นรอยยิ้มและดวงตาของผู้หญิงคนนั้นแล้ว อีกทั้งสำหรับพวกเขาหน้าอกถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการสืบพันธุ์เท่านั้นเอง

6. ความเป็นธรรมชาติ

          มีผู้ชายไม่น้อยที่สนใจผู้หญิงที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า หรือแต่งเติมใบหน้าด้วยเครื่องสำอางน้อยที่สุด ฉะนั้น หากคิดจะดึงดูดความสนใจจากผู้ชายสักคนควรจะรักษาความเป็นตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะการแต่งหน้าที่มากเกินทำให้ผู้หญิงดูไม่เป็นตัวของตัวเอง และเหมือนมีบางอย่างปิดบังพวกเขาอยู่ โดยเฉพาะอุปกรณ์เสริมความงามต่าง ๆ เช่น ขนตาปลอมหรือบิ๊กอาย เป็นต้น

7. เรียวขา

          แม้มันอาจไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนัก หากจะบอกว่าเรียวขาเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิงและทำให้ผู้ชายหันมามองได้ แต่หลายคนก็ลืมไปว่าเรียวขาสวย ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีเรียวขายาวเสมอไป ขอแค่เป็นเรียวขาที่มีลักษณะตามคุณสมบัติที่ตรงใจพวกเขา ก็สามารถพิชิตสายตาของผู้ชายคนหนึ่งได้แล้ว

8. ผิวพรรณ

          นอกจากนี้ผู้ชายส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญกับลักษณะผิวของผู้หญิงไม่น้อยไปกว่าจุดอื่น ๆ เลย โดยพวกเขามักจะคิดว่าผู้หญิงที่มีสุขภาพผิวดี คือ ผู้หญิงที่สุขภาพร่างกายที่ดี และน่าจะดูแลเขาพร้อมทั้งคนรอบตัวให้มีสุขภาพที่ดีเหมือนตัวเธอได้อีกด้วย

9. การแต่งตัว

          ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสไตล์การแต่งตัวเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจจากผู้ชายได้มากที่สุด และข้อนี้ก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องจริง หลังจากที่การสำรวจในปัจจุบันพบว่าผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงที่แต่งตัวดูดี ไม่โชว์เนื้อหนังของพวกเธอมากเกินไป ดังนั้น หลังจากนี้ก็อย่าลืมใส่ใจเรื่องการแต่งกายให้มากขึ้น และแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับตัวเอง

          แม้ จะมีเรื่องราวอีกมากมายในตัวผู้หญิงที่ผู้ชายให้ความสนใจ แต่อย่างไรก็ตาม 9 เรื่องนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญ และน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการดูแลตัวเอง หากต้องการทำให้ตัวเองกลายเป็นที่สนใจของเพศตรงข้ามมากขึ้นกว่าเดิม


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/22518066858687247/

Thursday, August 28, 2014

7 วิธีที่การท่องเที่ยวช่วยรีเฟรซความรักให้สดใส




            หากตอนนี้คุณกับคนรักคิดว่าอยากหาอะไรใหม่ ๆ ให้กับชีวิต ก็อย่าลังเลที่จะชวนกันเดินทางออกไปท่องเที่ยว เพราะสิ่งนี้ไม่ได้ทำให้พวกคุณได้เห็นความสวยงามของโลกในมุมที่แตกต่างออกไปเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาความรักความสัมพันธ์ให้มั่นคง แข็งแรง และเดินไปพร้อมกันได้ไกลอีกด้วย ถ้าอยากรู้ว่าการท่องเที่ยวมีส่วนช่วยให้ความรักดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง...ก็ ตามไปดูกันเลย
 

            
 1. มีความทรงจำที่ดีร่วมกัน

             ทุกนาทีที่พวกคุณมีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกัน ถือเป็นพื้นฐานอย่างหนึ่งของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี อีกทั้งชีวิตก็สั้นเกินกว่าจะเสียเวลาไปกับการทะเลาะเบาะแว้ง ที่สำคัญเมื่อพวกคุณอายุมากขึ้นก็จะได้มีช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยคุณค่าและ ความรู้สึกอบอุ่นเอาไว้ให้พูดถึง นอกเหนือจากนี้การออกไปท่องเที่ยวยังช่วยเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อสิ่งต่าง ๆ พร้อมทั้งช่วยให้คุณรู้ว่าจะใช้ชีวิตให้น่าสนใจได้อย่างไร และสิ่งนี้เองก็จะช่วยให้ความสัมพันธ์แข็งแรงขึ้นตามไปด้วย

           
2. สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ชีวิต

             การเดินทางออกไปท่องเที่ยวกับคนรักนอกจากจะเป็นการสร้างความทรงจำที่ดีต่อ กันแล้ว สิ่งนี้ยังทำให้พวกคุณยอมก้าวออกมาจากกรอบชีวิตเดิม ๆ พร้อมทั้งเป็นแรงบันดาลใจในการทำสิ่งใหม่ ๆ ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยพัฒนาทักษะและเติมเต็มชีวิตให้สุขสมบูรณ์กว่าที่เคย โดยเฉพาะเวลาที่พวกคุณพยายามทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนร่วมกัน

           
3. สัมผัสอิสระอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน

             คนส่วนใหญ่มักจะติดอยู่กับโลกใบเดิมของตัวเอง ซึ่งโลกใบนั้นก็ประกอบด้วยบ้านกับที่ทำงาน ส่วนตัวพวกเขาเองก็วนเวียนอยู่กับสถานที่เหล่านี้ ใช้ชีวิตและเจอกับปัญหาแบบเดิม ๆ ทุกวัน แต่เมื่อไรก็ตามที่มีโอกาสออกไปท่องเที่ยว นอกจากไม่ต้องเจอกับเรื่องน่าเบื่อซ้ำซากทุกวันแล้ว ยังช่วยให้พวกคุณมีอิสระทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเองได้มากขึ้น ซึ่งมันจะกลายเป็นความอิสระที่พิเศษไปจากเดิมเมื่อได้ทำสิ่งเหล่านั้นไป พร้อมกับคนรัก ที่สำคัญอย่ากลัวว่าใครจะมองว่าพวกคุณแปลกแยก เพราะบางทีพวกคุณเองกลับเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาออกมากรอบเดิม ๆ ด้วยซ้ำ

           
4. ทุกนาทีเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

             การท่องเที่ยวพร้อมกับคนรักไม่ได้เป็นสร้างความสนุกสนานให้ชีวิตเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกคุณผ่อนคลายจากความตึงเครียดทั้งหลายหลังจากที่ปัญหาต่าง ๆ ถูกลบเลือนออกไปจากความคิด แล้วแทนที่ด้วยทรงจำที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ความสุข และความคิดในแง่บวก ซึ่งในส่วนนี้นี่เองที่จะทำให้ความรักความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขามีความ มั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น

            5. มีโอกาสได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ

            เมื่อคุณและคนรักมีโอกาสได้ออกไปท่องเที่ยวพร้อมกัน ก็จะทำให้พวกคุณทั้ง 2 คน มีโอกาสได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ จากสถานที่อันหลากหลายที่ไปเยี่ยมเยือนด้วย เพราะนอกจากจะได้เห็นความสวยงามของโลกจากมุมที่เคยเห็นแล้ว ยังได้เรียนรู้วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และพบปะผู้คนใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนอารมณ์ ทัศนคติ หรืออื่น ๆ เพื่อทำให้ความรักความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณมีความมั่นคงกว่าที่เป็นด้วย

          
6. สร้างมุมมองที่ดีให้กับตัวเอง

            แม้เหตุผลหลักของการท่องเที่ยว คือ การคืนความสดใสและรอยยิ้มให้กับชีวิต แต่ในขณะเดียวกันหลังจากที่ความเครียด ความกดดัน และความรู้สึกด้านลบ ก็จะถูกแทนที่ด้วยความคิดดี ๆ พร้อมเติมเต็มความทรงจำที่น่าประทับใจจากสถานที่ที่มีโอกาสเดินทางไป ก็ยังเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยรักษาความสัมพันธ์ให้มีความสุขตามไปด้วย

          
7. ช่วยเติมความโรแมนติกได้ดี
 

            ที่สำคัญการท่องเที่ยวยังนำค่ำคืนมหัศจรรย์และความโรแมนติกมาให้กับคู่รัก เพราะในระหว่างนั้นพวกคุณก็จะมีเวลาใส่ใจความรู้สึก พร้อมทั้งโฟกัสไปที่ความต้องการของกันและกันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่ต้องแปลกใจหากหลังกลับมาจากการท่องเที่ยวแล้ว จะรู้สึกว่าความรักความสัมพันธ์ของพวกคุณดูมีความสุขมากกว่าที่เคยเป็น

            การท่องเที่ยวพร้อมกับคนรักนอกจากจะเป็นโอกาสที่ดีในการคืนความสดใสให้กับชีวิต ตัวเองแล้ว ความแปลกใหม่ที่ได้พบเจอมายังช่วยสร้างความตื่นเต้น โรแมนติก และความสุข ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ความรักความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคนรักแข็งแรง มั่นคง พร้อมทั้งรักษาส่วนที่เคยถูกทำลายไปให้ดีขึ้นด้วย

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Tuesday, August 26, 2014

เหตุผลสำคัญที่ทำให้คุณยังโสดสนิทจนถึงตอนนี้




       สิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนเกาะสถานะโสดเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น คือ จิตใจที่ตกอยู่ในภาวะของความสับสน เพราะความต้องการของหัวใจกับความคิดมันสวนทางกันเหมือนเส้นขนาน โดยความคิดจะคอยสั่งห้ามไม่ให้กระทำ ในขณะที่หัวใจยังเรียกร้องความรักอยู่เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่หากไม่ได้กลัวความเจ็บปวดก็อาจเกิดจากการหวงชีวิตที่เป็นอิสระอยู่นั่นเอง และ 4 เหตุผล ต่อไปนี้ก็คือตัวอย่างความขัดแย้งที่มักจะเกิดขึ้นในความคิดของคนโสด พร้อมทำให้หลายคนยังใช้ชีวิตคนเดียวมาจนถึงทุกวันนี้

1. อยากมีแฟน แต่เกลียดการออกเดท

          การสร้างความสัมพันธ์กับคนที่ถูกตาต้องใจกลายเป็นเรื่องยากทันทีหากยังมีความคิดแบบนี้อยู่ เพราะการออกเดทเป็นขั้นแรกของการเริ่มต้นความสัมพันธ์ก่อนที่ก่อเกิดเป็นความรัก และสร้างอนาคตร่วมกันระยะยาว ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่คิดแบบนี้หากไม่ใช่คนที่เคยมีประสบการณ์เลวร้ายกับการออกเดทมาก่อน ก็มักจะเป็นคนที่ไม่เคยพอใจในการออกเดทกับใครเลยสักคน

2. อยากมีคนดี ๆ มาดูแล แต่ตั้งเงื่อนไขไว้เยอะแยะ

          คนดีไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีหน้าตาและรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ เพราะพวกเขามักจะมาในรูปร่าง ความสูง ระดับการศึกษา และหน้าที่การงานที่แตกต่างกัน ฉะนั้น การตั้งเงื่อนไขไว้มากมายว่าคนที่จะมาเป็นแฟนนั้นจะต้องเป็นคนดี มีหน้าตา การงาน การศึกษา ฐานะที่สมบูรณ์พร้อมทุกด้าน ก็เลยทำให้หลายคนยังไม่เจอคนที่ใช่สำหรับตัวเองสักทีอย่างไรล่ะ

3. ต้องการคนที่รักษาสัญญา แต่ตัวเองไม่สามารถทำได้

          หลายคนก็มักจะเรียกร้องให้อีกฝ่ายรักษาคำมั่นสัญญา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่สามารถทำตามคำพูดของตัวเองได้ ซึ่งความคิดแบบนี้มันดูไม่ยุติธรรมเท่าไรสำหรับคนที่คิดจะวางแผนใช้ชีวิตในอนาคตร่วมกัน อีกทั้งการเรียกร้องที่มากเกินไปในขณะที่ตัวเองไม่เคยตอบแทนสิ่งใดกลับไปเลย ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้คนโสดประสบความล้มเหลวในความรักด้วยเหมือนกัน

4. ต้องการความรัก แต่ไม่ออกค้นหา

          โดยรอให้อีกฝ่ายเป็นคนตามหา ในขณะที่ตัวเองยังคงใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ไม่เคยออกไปพบปะผู้คนหรือท่องเที่ยวสถานที่ใหม่ ๆ เลย ก็ไม่ต้องแปลกใจหากยังไม่เจอคู่ชีวิตเหมือนคนอื่นเสียที เพราะอีกฝ่ายก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคู่ของเขาแอบซ่อนตัวอยู่ที่ใด ฉะนั้น บางครั้งก็ต้องตามหาความรักด้วยตัวเองบ้าง แทนที่จะหวังพึ่งโชคชะตาฟ้าลิขิตอย่างเดียว

          หากคุณเป็นคนโสดที่ต้องการความรักและอยากมีความสัมพันธ์ที่ดีเหมือนคนอื่น บางครั้งก็ควรเปลี่ยนมุมมองพร้อมทั้งให้โอกาสคนบ้าง เพราะคนเรามีนิสัยที่แตกต่างกัน เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น แม้คนรักคนแรกจะทำให้ผิดหวังก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเจอกับคนประเภทนั้นตลอดไป อีกทั้งคนใหม่ที่เดินเข้ามาในชีวิตอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่จะอยู่กับคุณไปจนลมหายใจสุดท้ายก็ได้

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต