Tuesday, July 29, 2014

รักครั้งเก่าลืมเร็วบ้าง ช้าบ้าง แต่ดีกว่าจำไม่ลืม




        ความทรงจำของความรักมีหลากหลายรูปแบบ เพราะสำหรับบางคนมันคือความทรงจำที่แสนสวยงาม นึกถึงทีไรก็เรียกรอยยิ้มได้เสมอ แต่บางคนมันกลับเป็นความรู้สึกขมปนหวานที่ยากจะลืมเลือน หรือบางคนมันก็เป็นเพียงแค่ความจำที่ค่อย ๆ จางลง บางครั้งจำได้ บางครั้งก็ลืมไปแล้ว

          ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่ว่าเราเลือกใช้จังหวะของชีวิตในช่วงไหนหันหลับไปมองมัน หาก เป็นช่วงที่ชีวิตมีความสุขสุด ๆ จะรักครั้งไหน ๆ เมื่อคิดถึงก็ทำให้ยิ้มรับกับเรื่องราวในอดีต แต่ถ้าเป็นช่วงที่ชีวิตหม่นหมอง จิตใจหน่วง ๆ ไม่สดใส ไม่ว่าจะรักครั้งไหนก็สร้างความเจ็บปวดเสมอ T__T

          แต่จะเลือกจำหรือเลือกที่จะลืมก็ไม่ใช่เรื่องผิดทั้งนั้น ขอเพียงแค่อย่าเก็บมากั้นความรู้สึกตัวเอง โดยการสร้างกำแพงส่วนตัวปิดกั้นกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว และยืนอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ของตัวเองจนไม่เปิดโอกาสให้ใครได้มีสิทธิ์เข้ามาจับจองซะที เพราะอย่าลืมว่า "ความรัก" ก็เปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจพองโตอย่างมีความสุข การมี ใครสักคนเข้ามาทำให้เราได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้สุข ได้ทุกข์ หรือแม้แต่เสียใจร้องไห้ก็ตาม เพราะการได้รัก ถูกรัก หรือมีความรักก็ทำให้มีความสุขทั้งนั้น

          ทางที่ดีอย่าเอารักครั้งเก่ามาทำให้ชีวิตยืนอยู่ในที่เดิม ๆ ลองเปิดโอกาสให้ใจได้ออกไปค้นหาความสุขในแบบของมันบ้าง เผื่อมันจะเจอความสุขระหว่างทางก็ได้นะ :D เอ...แล้วเพื่อน ๆ ล่ะคะ สำหรับความรักครั้งเก่าเลือกที่จะจำหรือจะลืมมากกว่ากัน

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Monday, July 28, 2014

10 เรื่องที่คู่รักคุยกันแล้วทำให้รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น




           สิ่งหนึ่งที่ทำให้การมีความรักเป็นความสุขอย่างหนึ่งของชีวิตก็คือ การมีคนที่เราสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง แต่บางครั้งการที่เราสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่องทุกวัน ก็ทำให้มีปัญหาได้เหมือนกัน เมื่อในวันใดวันหนึ่งพวกคุณหมดเรื่องที่จะพูดคุยกัน เพราะหลังจากนั้นจะเริ่มเฉยชากันไปเรื่อย ๆ ฉะนั้นก่อนที่ความสัมพันธ์จะห่างเหิน ชวนคนรักมาพูดคุยกับ 10 เรื่องเด็ดที่ช่วยให้รักมีสุข และใกล้ชิดยิ่งขึ้นกันดีกว่า

          
 ช่วงเวลาดี ๆ ของคุณสองคน

          สิ่งที่ดีที่สุดของคนมีความรักก็คือ การมีความทรงจำดี ๆ ร่วมกันให้คิดถึงอยู่เสมอ และสิ่งนี้จะทำให้พวกคุณใกล้ชิดกันมากขึ้น หากมีโอกาสได้หยิบยกเรื่องราวเหล่านั้นมาพูดคุยหรือแบ่งปันกัน พร้อมทั้งเป็นการย้ำเตือนว่า เพราะเหตุใดที่ทำให้พวกคุณตกหลุมรักกันด้วย

          
 เรื่องเล่าในวัยเด็ก

          การเล่าเรื่องวัยเด็กของตัวเองให้ฟัง เช่น คุณเป็นใครมาจากไหน ชีวิตเคยผ่านอะไรมาบ้าง รวมไปถึงเรื่องของสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัว เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้คนรักเข้าใจสิ่งที่คุณเป็นอยู่มากขึ้น ในขณะเดียวกันการเล่าเรื่องส่วนตัวแบบนี้ยังทำให้ความรักยิ่งลึกซึ้ง เต็มไปด้วยความหมาย น่าตื่นเต้น และน่าสนใจอีกด้วย

          
 ความทรงจำที่เลวร้ายที่ผ่านมา

          คนสองคนจะยิ่งใกล้กันมากขึ้นหากมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์อดีตที่เจ็บปวดให้ฟังบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคน บทเรียน หรือประสบการณ์ เพื่อให้คนรักได้รู้จักคุณมากขึ้นในทุก ๆ มุม อีกทั้งเรื่องแบบนี้แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ทำให้รู้สึกสนุกเหมือนความทรงจำดี ๆ แต่ก็ช่วยสร้างความเชื่อใจ พร้อมทั้งลดระยะห่างระหว่างพวกคุณได้มากเลยทีเดียว

        
           อุปสรรคในอดีตที่ก้าวข้ามผ่านมาได้

          แม้มันจะเป็นปัญหาที่เคยพูดคุยกันไปแล้ว ก็สามารถนำกลับมาพูดคุยกันได้อีก แต่ในครั้งนี้ควรจะต่างออกไป โดยการพูดคุยถึงสิ่งที่พวกคุณได้เรียนรู้จากเรื่องที่เคยเป็นปัญหา เพื่อนำมาปรับปรุงตัวเองและทำให้ความรักพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ

          
 บอกเล่าถึงความรู้สึกในใจ

          ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้พวกคุณเข้าใจกันมากขึ้นคือ การแบ่งปันและแสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ ว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ในขณะนี้ เพราะจะช่วยให้อีกฝ่ายวางตัวได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งการพูดความรู้สึกออกมาตรง ๆ ยังช่วยให้การสื่อสารมีความชัดเจนกว่าที่เป็นด้วย

          
 พูดคุยกันถึงชีวิตประจำวัน

          สภาพสังคมที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยุต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวในปัจจุบันทำให้คู่รักบางคู่มีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยลงและอาจทำให้รู้สึกห่างเหินกัน ซึ่งวิธีลดช่องว่างนี้ก็สามารถทำได้โดยการส่งข้อความสั้น ๆ ไปหาในระหว่างวัน หรือโทรหาเวลาว่าง ๆ ก็ได้ เพื่อถามความเป็นไปในช่วงวันที่ผ่านมา ทว่าก็ไม่ต้องถึงกับโทรหาแบบถี่ยิบหรอกนะ มันดูเยอะไปและอาจทำให้ฝ่ายหญิงรำคาญด้วย

           เรื่องตลกฮา ๆ ชวนคลายเครียด

          ไม่ใช่แค่เรื่องที่ทำให้พวกคุณรู้สึกมีความสุขเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องที่ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศของวันที่แสนน่าเบื่อหรือความเหนื่อยล้าจากการทำงานหายไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ด้วย ขณะเดียวกันก็ยังทำให้คนสองคนมีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังเสมอ แม้จะเป็นมุกที่คนอื่นไม่เข้าใจก็ตาม

          
 ความชอบส่วนตัวของแต่ละคน

          การสื่อสารระหว่างคู่รักจะเขยิบเข้าใกล้กันมากขึ้น หากได้พูดคุยเรื่องความชอบส่วนตัวกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดนตรี ภาพยนตร์ อาหาร หรืองานอดิเรก เพราะการแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่แต่ละคนชอบให้กันฟังจะทำให้คุณรู้จักกันดีกว่าเดิม รู้ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร สิ่งไหนที่ทำแล้วเธอจะมีความสุขและทำให้ความสัมพันธ์ของคุณสองคนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

          
 เรื่องน่าอายขำ ๆ ที่ผ่านมา

          แม้จะเป็นเรื่องน่าอายที่คุณไม่เคยบอกและอาจไม่อยากบอกให้ใครรู้ แต่ไอ้เรื่องขายหน้า ชวนขำต่าง ๆ นี่แหละ ที่ช่วยให้สาวคนรักได้เห็นคุณในมุมเปิ่น ๆ บ้าง ไม่ใช่ผู้ชายช่างเครียด ที่รักความสมบูรณ์แบบไปซะทุกกระเบียดนิ้ว ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการสร้างรอยยิ้มให้กับคนรักได้ด้วย

          พูดถึงเรื่องอนาคต

          หญิงคนรักจะยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีก หากคุณรู้จักวางแผนอนาคตของตัวเอง ว่าจะแต่งงานเมื่อไร มีลูกตอนไหน วางอนาคตเรื่องงานไว้อย่างไรบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ฝ่ายหญิงรู้สึกสบายใจได้ว่า คุณพร้อมจะเป็นผู้นำครอบครัวในอนาคตได้ สามารถพึ่งพิงและวางใจว่าจะฝากชีวิตที่เหลือไว้กับคุณได้นั่นเอง

          ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการพูดคุยกับคนรักก็สามารถสร้างความสุขได้ด้วยเช่นกัน ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ด้วยแล้ว ก็ช่วยให้คุณและคนรักมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วย ซึ่งจะมีเรื่องอะไรบ้างนั้นและจะเป็นความจริงอย่างที่เราพูดไว้หรือไม่ อันนี้ก็ต้องพิสูจน์กันด้วยตัวเองแล้วล่ะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Sunday, July 27, 2014

พลังแห่งความรัก เพื่อคงความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน




          ต่างคนก็ต่างจิตใจ ต่างที่มา ต่างความคิด แต่เชื่อว่าทุกคนต่างก็ต้องการสิ่งเดียวกัน คือ ต้องการที่จะเจอ "รักแท้" ต้องการจะเจอ "รักที่สมบูรณ์แบบ" แต่เมื่อคนสองคนมีความแตกต่าง จึงเกิดความขัดแย้งขึ้นในความสัมพันธ์ จนบางครั้งอาจนำพาไปถึงขั้น "เลิกรา" 

          ทั้งนี้ เพื่อให้คุณเข้าใจในความรักมากขึ้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงมีพลังแห่งความรัก ที่จะช่วยทำให้ความสัมพันธ์ของคุณ ยั่งยืนยาวนานตามที่ใจต้องการ แต่จะต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ

         
พลังการเคารพ : หากคุณรักใคร อันดับแรกคุณต้องรู้จักเคารพเค้าก่อนค่ะ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคุณต้องเคารพตัวเองก่อน เพราะถ้าไม่รู้จักเคารพตนเอง คุณก็ไม่สามารถไปเคารพคนอื่นได้ ที่สำคัญคือคุณต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรา คุณแค่รู้ว่าทุกคนมีจุดยืนเป็นของตัวเอง มีคุณค่าในตัวของเราเอง

         
พลังการเสียสละ : หากว่าคุณต้องการความรักจากคนอื่น ก็จงมอบความรักแก่คนอื่นเช่นกัน ความรักก็เหมือนบูมเมอแรงค่ะ ยิ่งคุณให้มากเท่าไหร่ คุณก็จะได้กลับมามากเท่านั้น และถ้าอยากมีรักแท้ ก็ให้รักนั้นไปโดยไม่มีเงื่อนไข หรือหวังสิ่งใดตอบแทน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมอบความรักโดยคาดหวัง มันไม่ใช่รักอย่างบริสุทธิ์ใจแล้วล่ะค่ะ

         
พลังการสัมผัส : รัก คือ ยาขนานวิเศษที่สุดในโลก การสัมผัสด้วยความรักสามารถสร้างพลังอันน่าเหลือเชื่อ สร้างปรากฏการณ์ดี ๆ ให้เกิดขึ้นได้ เพราะการสัมผัสเป็นหนึ่งในการแสดงออกของความรัก เป็นการทำลายกำแพงที่ขวางกั้นในความสัมพันธ์ลงได้ นอกจากนี้ ยังช่วยเปลี่ยนอารมณ์ทางจิตใจของเราให้ดีขึ้น เหมือนกับคุณกอดใคร หัวใจคุณก็กำลังกอดเค้าด้วยค่ะ

         
พลังของการให้อิสระ : การให้อิสระในที่นี้ ยังหมายถึงการให้อิสระในการตัดสินใจ ให้อิสระในการใช้ชีวิตตามแบบที่เค้าต้องการ เพราะการที่คุณรักใครสักคน สิ่งสำคัญคือการเคารพในความต้องการและการตัดสินใจของเค้า อีกทั้งเราไม่สามารถไปกำหนดชีวิตใครได้ อย่าไปบังคับเค้าให้เดินตรงไปแนวทางคุณกำหนด ซึ่งมีสุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า "ถ้าคุณรักเค้าจริง ๆ ปล่อยเค้าไปซะ ถ้าเค้ากลับมาหาคุณก็แสดงว่าเค้าเป็นของคุณ"

         
พลังการบอกรัก : การแสดงความรู้สึก เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ความรักมีแรงขับเคลื่อนต่อไปได้ โดยเฉพาะคำว่า "ฉันรักเธอ" ซึ่งเป็นพูดมหัศจรรย์ที่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพูดไป มันจะเป็นเสมือนพลังมหาศาลอันยิ่งใหญ่ของความรัก อีกทั้งยังเป็นผลดีทั้งต่อตัวเราและเค้า เพราะด้วยคำนี้อาจทำให้คนที่กำลังจะเลิกรา กลับมาคืนดีกัน หรือทำให้คนที่รักกันดี ก็ยิ่งรักกันมากยิ่งขึ้น

         
พลังการเชื่อใจ : การไว้ใจและเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ของคนสองคน ถ้าอยากให้ความรักครั้งนี้เดินทางไปตลอดรอดฝั่ง คุณต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน เชื่อใจในกันและกัน เพราะเมื่อไหร่ที่คุณทั้งคู่ไม่เชื่อใจกันแล้ว นั่นแสดงว่าคุณยังรักและเข้าใจกันไม่มากพอ ที่จะสานสัมพันธ์ต่อไปในอนาคตได้

          อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่จงจำไว้ว่า...รักออกแบบได้ เพราะคุณเป็นคนสร้างให้มันเกิดขึ้นมา

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Thursday, July 24, 2014

5 คำถาม ที่คุณควรถามตัวเองก่อนแต่งงาน




         ก่อนจะถามว่าคุณควรเชิญใครมาในงานแต่งหรือจัดพิธีเมื่อไหร่ดี...รู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณมีคำถามใหญ่ที่ควรถามตัวเองก่อนหน้านั้น เพื่อไม่ให้มาเสียใจหลังจากการแต่งงานที่ล้มเหลว และจะได้มั่นใจว่าคุณแต่งงานเมื่อพร้อมแล้วจริง ๆ คุณจึงควรถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ดู ก่อนที่จะตกลงแต่งงานกับใคร

1. คุณแต่งงานเพื่ออะไรกันแน่?

          คนเรามีเหตุผลมากมายแตกต่างกันไปที่ทำให้เราคิดแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นเพราะความกดดันจากคนรอบข้างจากการที่เพื่อน ๆ ทยอยแต่งกันไปหมด หรือเพราะความเป็นห่วงของพ่อแม่ ซึ่งถ้าคุณเพียงแค่ทำตามพวกเขา การแต่งงานของคุณก็อาจไม่ใช่การตัดสินใจที่ถูกต้องนักก็ได้ เพราะคุณไม่ได้แต่งงานด้วยความต้องการของตัวเองจริง ๆ จึงทำให้การแต่งงานกลายมาเป็นภาระโดยไม่รู้ตัว

2. คุณคิดว่าเขาคือคนที่ใช่แน่แล้วหรือ?

          ต่อให้เขาเป็นคนดีแค่ไหน หรือเป็นคนที่คุณคบมานานเท่าไหร่ ก็คงไม่มีความหมายถ้าเขาไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับคุณ ดังนั้นถามตัวเองให้แน่ใจว่าคุณคิดจะแต่งงานเพราะรักเขาจริง ๆ ไม่ใช่แค่อยากได้คนดูแลให้ตัวเองสบายเฉย ๆ เพราะการแต่งงานทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รักกัน อาจทำให้ทั้งคุณและเขาไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

3. เขามีข้อเสียที่คุณรับไม่ได้หรือเปล่า?

          แน่นอนว่าใคร ๆ ก็มีข้อเสียทั้งนั้นแหละ ซึ่งถึงแม้บางเรื่องจะมองข้ามกันได้ แต่บางเรื่องก็เกินกว่าที่จะรับได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ถ้าเขามีข้อเสียที่คุณรับไม่ได้สุด ๆ ก็ถอยออกมาซะดีกว่า เพราะถ้าแต่งกันไปแล้ว เขาก็จะยิ่งแสดงข้อเสียออกมามากขึ้นกว่าเดิม และเมื่อถึงเวลานั้น มานั่งเสียใจทีหลังก็อาจไม่ทันแล้วก็ได้นะ

4. คุณมีเป้าหมายไปในทางเดียวกันหรือไม่

          เป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณควรมองเป้าหมายชีวิตเหมือน ๆ กัน เพื่อสนับสนุนกันและกันให้ประสบความสำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยให้สามารถวางแผนชีวิตร่วมกันได้ดีขึ้นว่าจะมีลูกกี่คนหรือจะเลือก อาศัยอยู่ที่ไหนได้อีก คุณจะได้เป็นที่ปรึกษาให้กันได้และเข้าใจกันมากขึ้นจนทำให้รักกันมากขึ้นตาม ไปด้วย

5. เซ็กส์ของคุณไปกันได้หรือไม่

          แม้ว่าเซ็กส์อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สุดถ้าคุณยังรักกันดี แต่ก็มีบทบาทสำคัญในความสัมพันธ์เช่นกัน เพราะถ้าเซ็กส์ของคุณไปกันไม่ได้ คุณทั้งคู่ก็อาจมองหาคนอื่นมาทดแทน จนผูกพันและกลายเป็นความรักได้เหมือนกัน ดังนั้น ถ้าคู่ของคุณมีปัญหา ก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนแต่งจะดีกว่า

          ถ้าลองถามตัวเองจนแน่ใจแล้วว่า คุณยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานจริง ๆ ก็ลองให้เวลาตัวเองสักพักจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะกว่านี้ เพื่อให้ชีวิตแต่งงานของคุณมีความสุขมากขึ้นนะคะ


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต