Tuesday, September 30, 2014

เคล็ดลับการรักษาสมดุล เพื่อความรักที่ยืนยาว




          ความรักเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยบททดสอบและมีเรื่องให้ทำมากมาย โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้น เพราะนอกจากจะต้องทำความเข้าใจอีกฝ่ายแล้วยังต้องเปิดใจยอมรับข้อผิดพลาด ให้เวลาในการปรับตัว แถมยังต้องใช้ความอดทนสูงอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามคุณสามารถผ่านพ้นสิ่งเหล่านี้ไปได้ เพียงแค่อาศัยการเปลี่ยนนิสัยหรือมุมมองเล็ก ๆ น้อย ๆ บวกกับเคล็ดลับเหล่านี้ คุณก็จะเป็นอีกหนึ่งคนที่มีความรักความสัมพันธ์ที่มั่นคง ยืนยาวและมีความสุขได้เช่นเดียวกัน

         1. ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน

         การให้ความเคารพคนรักถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการรักษาสมดุลของความรัก ซึ่งสามารถทำได้โดยการทำให้คนรักสบายใจเมื่อได้อยู่กับคุณ และไม่ใช้ความรุนแรงทั้งการพูดคุยและปฏิบัติกับคนรัก ไม่ว่าจะอยู่กันตามลำพังหรือในที่สาธารณะ ซึ่งถ้าหากสามารถทำได้ความขัดแย้งระหว่างพวกคุณก็จะลดน้อยลง เพราะคุณทั้ง 2 คน มีความเข้าใจและสามารถทำได้อย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว

        2. ลดความคาดหวังลงมา

         ความคาดหวังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ของหลาย ๆ คู่ขาดสมดุล กระทั่งกลายเป็นความขัดแย้งในที่สุด ดังนั้นคุณจึงควรทำความเข้าใจก่อนว่าเขาสามารถทำและไม่สามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อทำให้ต่างคนต่างอยู่ด้วยกันอย่างสบายใจ แทนที่เขาจะถูกควบคุมทุกย่างก้าวด้วยความคาดหวัง ก่อนที่ความคาดหวังเหล่านั้นจะนำไปสู่ความผิดหวังและเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ในที่สุด

        3. ต่างคนควรมีพื้นที่ส่วนตัว

         การเชื่อใจกันและให้พื้นที่แก่กันเป็นเรื่องสำคัญของคนมีความรัก ซึ่งสามารถทำได้โดยไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกของคนรักมากไป โดยปล่อยให้เขามีพื้นที่หายใจหรือมีพื้นที่สำหรับทำอะไรต่อมิอะไรคนเดียว บ้าง เพราะการทำตัวติดกับคนรักมากเกินไป นอกจากจะสร้างความรำคาญและอึดอัดให้กับเขาแล้ว ยังนำไปสู่ความไม่พอใจ พร้อมทั้งเป็นต้นเหตุของการทะเลาะเบาะแว้งอีกด้วย ในขณะที่พวกคุณจะมีความสุขมากกว่าถ้าหากต่างฝ่ายต่างยังมีพื้นที่ส่วนตัวของ ตัวเองอยู่บ้าง

        4. ให้เวลาในการปรับตัว
 

         สาเหตุที่ต้องให้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์ก็เพราะว่า ไม่มีใครอัจฉริยะมากพอที่จะเรียนรู้ความต้องการและวิธีปฏิบัติต่อคนรักได้ ภายในวันหรือสองวัน อีกทั้งพวกคุณไม่มีทางพบกับความ รักที่สมหวังได้เลย หากพวกคุณยอมแพ้ไปกลางคัน หรือยอมถอนตัวออกไปเสียก่อน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เรียนรู้กันมากมาย ดังนั้นถ้าอยากเจอกับความรักที่ดีก็ควรใส่ใจดูแลและอดทน แล้วความรักก็จะราบรื่นและอยู่ในเส้นทางที่ถูกที่ควร ซึ่งวิธีหนึ่งที่จะช่วยได้ ก็คือ การใช้เวลาว่างร่วมกันให้มากที่สุดนั่นเอง หรืออย่างน้อยพยายามหาเวลามารับประทานอาหารด้วยกันสักมื้อในแต่ละวันก็ยังดี

        5. พูดคุยอย่างตรงไปตรงมา

         เมื่อไรก็ตามที่พวกคุณไม่ยอมพูดคุยกัน หรือเก็บงำความรู้สึกของตัวเองเอาไว้เพราะมีอีโก้สูง บวกกับความรู้สึกที่ไม่อยากทำร้ายใคร เมื่อนั้นความสัมพันธ์ของพวกคุณก็จะเริ่มมีปัญหาทันที ดังนั้นมันจึงดีกว่าหากพวกคุณพูดคุยกันตรง ๆ โดยใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ และตั้งใจฟังความรู้สึกของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมทั้งหาข้อสรุปที่เป็นธรรมให้กับตัวเองและคนรัก หลังจากที่พวกคุณเข้าใจตรงกันแล้ว

         นอกเหนือจากนี้แล้วคุณก็ควรดีใจที่ได้เจอกับคนที่จะใช้เวลาด้วยกันไปตลอดชีวิต ในขณะที่มีคนอีกมากมายยังต้องค้นหากันต่อไป อีกทั้งควรเข้าใจด้วยว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งของความรัก เพราะสิ่งที่สำคัญมากกว่าเรื่องเหล่านี้ ก็คือ สิ่งที่คุณปฏิบัติกับคนรัก ซึ่งถ้าหากมีทัศนคติที่ดีและทำได้อย่างถูกต้อง ความรักของพวกคุณก็จะอยู่ในภาวะที่สมดุลและพอดี พร้อมทั้งส่งผลให้พวกคุณเป็นหนึ่งในคู่รักที่น่าอิจฉาที่สุดอีกด้วย


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Sunday, September 28, 2014

9 วิธีที่ผู้ชายใช้ปฏิเสธผู้หญิงทางอ้อม ก่อนตีตัวออกห่าง




          แม้คุณจะได้เจอคนที่ถูกใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรู้สึกแบบเดียวกับคุณเสมอไป ซึ่งมันก็เป็นเรื่องยากที่จะรู้ได้ เพราะน้อยคนนักที่จะกล้าปฏิเสธคนที่มาชอบเราตรง ๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่สามารถสืบให้รู้ได้ด้วยตัวเองจากลักษณะการปฏิเสธแบบอ้อม ๆ ที่ผู้ชายส่วนใหญ่ใช้บอกปัดความรู้สึกของผู้หญิงที่เขาไม่ได้ชอบ หรือต้องการให้ออกไปจากชีวิตเลยด้วยซ้ำ

             1. ไม่เคยรับโทรศัพท์ของคุณ

             หากเขาไม่เคยรับโทรศัพท์เวลาที่คุณกดเบอร์ไปหาเขาเลย หรือสายของคุณถูกโอนไปยังบริการฝากข้อความตลอด ถือเป็นหนึ่งสัญญาณที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการคุณอีกต่อไป แล้ว เพราะถ้าหากเขาชอบคุณจริง ๆ เขาก็จะโทรศัพท์มาหาคุณเอง หากไม่เป็นเช่นนั้นเขาก็จะโทรศัพท์กลับทันทีที่มีเวลาว่าง พร้อมทั้งอธิบายเหตุผลให้ฟังครบถ้วน โดยที่คุณแทบไม่ต้องเอ่ยปากถามเลยสักนิด

            2. ชีวิตติดธุระตลอดเวลา

             หากชีวิตของเขาดูยุ่งวุ่นวายจนแทบไม่มีเวลาวางแผนพาคุณไปดินเนอร์หรือออกไป เที่ยวด้วยกัน ก็มีความหมายแฝงว่าเขากำลังตีตัวออกห่างจากคุณนั่นเอง เพราะสำหรับคนที่มีใจตรงกันแล้ว พวกเขาก็จะคอยวางแผนเพื่อหาเวลาว่างที่จะได้อยู่ด้วยกันให้ได้มากที่สุด ซึ่งถ้าหากคุณเจอเหตุการณ์อย่างที่พูดมาก็ไม่ต้องเก็บไปคิดมาก และไม่จำเป็นต้องเสียเวลารอกับผู้ชายประเภทนี้

            3. ไม่เคยคอนเฟิร์มนัด

             อีกหนึ่งสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ชอบคุณ ก็คือ เขาไม่เคยตอบตกลงหรือให้คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะเลยว่าจะออกไปเที่ยวกับคุณ เลยสักครั้ง โดยทุกครั้งที่คุณถามหากไม่กล้าปฏิเสธตรง ๆ ก็จะตอบคำถามแบบเลี่ยง ๆ เช่น ขอดูตารางนัดก่อน ไม่แน่ใจว่าว่างหรือเปล่า หรือมีคนอื่นนัดไว้แล้ว เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย เพราะบางคนอาจจะไม่ว่างจริง ๆ ก็ได้

            4. เขาบอกว่าไม่พร้อมจะผูกพันกับใคร

             หากคุณออกไปเที่ยวกับเขาหลายครั้งแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่พร้อมจะผูกพันกับใครแม้กระทั่งคุณ และเขาก็เป็นคนบอกเช่นนี้กับคุณเอง คงจะเจ็บตัวน้อยกว่าหากคุณรีบถอนตัวออกมาตอนนี้ ถึงแม้ว่าในชีวิตของเขาจะไม่มีผู้หญิงคนไหนมาเกี่ยวข้องก็ตาม เพราะมันมีความหมายทางอ้อมว่าเขาไม่ได้รู้สึกพิเศษใด ๆ กับคุณนั่นเอง และไม่มีทางเป็นไปได้ด้วย

            5. พูดถึงผู้หญิงคนอื่นตลอดเวลา

             ถ้าคุณได้ยินเขาพูดถึงผู้หญิงคนอื่นบ่อยครั้ง หรือมีเรื่องผู้หญิงคนอื่นมาเล่าให้ฟังเป็นประจำ มันแปลความหมายได้ว่าเขาคิดกับคุณแค่เพื่อน หรือไม่ก็อยากบอกให้คุณรู้ว่าเขาไม่ได้ชอบคุณนั่นเอง เพราะไม่มีผู้ชายคนไหนที่กล้าพูดเรื่องผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าคนที่ชอบอย่าง แน่นอน อีกทั้งหากเขาชอบคุณจริง ๆ เขาก็จะอยากรู้เรื่องของคุณมากกว่าใครเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

            6. เขาเช็กอินในเฟซบุ๊กกับเพื่อนกลุ่มอื่น

             สำหรับคนที่วางแผนเอาไว้แล้วว่าจะออกไปเที่ยวด้วยกันและเขาก็สัญญาเสียดิบดี แต่เมื่อถึงเวลาเขาก็ยกเลิกนัด จากนั้นคุณก็พบว่าเขาเช็กอินในเฟซบุ๊กว่าอยู่กับเพื่อนของเขา ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่าเขาไม่ได้ชอบคุณ และเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่อธิบายได้ดีทีเดียวว่าทำไมเขาไม่ชวนคุณไปเที่ยวกับ เพื่อน ๆ ของเขาด้วย

            7. ใช้เวลาในการโทรศัพท์กลับมานานกว่า 24 ชั่วโมง

             หากคุณโทรศัพท์ไปหาเขา ไม่ว่าจะทำเพื่อคอนเฟิร์มแผนที่นัดกันหรือแค่คุยเล่น ๆ ถ้าเขาโทรศัพท์หรือส่งข้อความกลับมาโดยใช้เวลานานกว่า 24 ชั่วโมง ต่างก็มีความหมายในด้านลบไม่ต่างกัน เพราะถ้าหากเขาชอบคุณจริง ๆ เขาจะหาทางโทรศัพท์หรือติดต่อกับคุณให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และสามารถทำได้ทุกทางแค่ขอได้คุยกับคุณ

            8. เขาโทรศัพท์หาคุณคนแรกเมื่อเขาเมาเท่านั้น

             หากเขาโทรศัพท์หาคุณคนแรกก็อย่างดีใจไป โดยเฉพาะเวลาที่เขาเมา เพราะมันไม่ได้หมายความว่าเขาคิดถึงคุณเลยสักนิด แต่ทำไปเพราะมีจุดประสงค์อื่นต่างหาก เช่น รู้สึกเหงาแต่ไม่มีใครให้คุยด้วย หรือรวบรวมความกล้าบอกความรู้สึกจริง ๆ กับคุณได้แล้ว เป็นต้น แต่ทั้งหมดนี้มันก็หมายความว่าคุณมีค่าแค่เวลาที่เขารู้สึกแย่เท่านั้นเอง
 
            9. ความสัมพันธ์คลุมเครือ


             สัญญาณสุดท้ายที่บอกว่าเขาต้องการออกจากชีวิตคุณ ก็คือ การทิ้งให้คุณเกิดความสงสัยมากมายในตัวเขา ไม่รู้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาคืออะไร เขาชอบคุณจริง ๆ หรือเปล่า หรือคิดอย่างไรกับคุณกันแน่ เพราะถ้าหากเขาชอบคุณเขาก็จะบอกกับคุณโดยตรงว่าเขาต้องการคุณ ไม่มีทางปล่อยให้ความสัมพันธ์มันคลุมเครืออย่างนี้แน่นอน

             ตอนนี้คุณก็ได้รู้แล้วว่ามีสัญญาณและการกระทำใดบ้าง ที่หมายความว่าเขาต้องการให้คุณออกไปจากชีวิตของเขา ถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะใส่ใจมันและทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้เสียที ก่อนที่จะโดนทำร้ายความรู้สึกไปมากกว่านี้

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Friday, September 26, 2014

เปลี่ยนรักขมในอดีตให้เป็นบทเรียนดี ๆ ในปัจจุบัน




          แม้ความสัมพันธ์จะจบลงไปเนิ่นนาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันยังคงอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของหัวใจ แม้ว่าตอนนี้คุณจะโสดหรือพบรักครั้งใหม่แล้วก็ตาม เพราะรักครั้งเก่าใช่ว่าจะลืมกันง่ายดาย และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดหากคุณยังไม่ลืม ขอเพียงแต่อย่าให้อดีตทำลายปัจจุบันก็พอ...แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ารักครั้ง เก่ากำลังทำลายความรักหรือชีวิตปัจจุบันอยู่

หากว่าคุณอยู่ในสถานะโสดหลังจากเลิกรากันไป


           
คุณมักจะคิดวนเวียนถึงอดีตอยู่เสมอ จนไม่ยอมเปิดใจรับความสัมพันธ์ครั้งใหม่
           
คุณมักจะโทษตัวเอง แม้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของคุณเลยที่ทำให้ความสัมพันธ์ครั้งนั้นจบลง
           
คุณเต็มไปด้วยความโกรธ เคียดแค้น เมื่อเห็นคนรักเก่ามีความสุข
           
คุณยังคงติดตามความเป็นไปของเขาจนเกินขอบเขต ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ที่ไหนกับใคร
           
คุณเอาแต่เก็บตัวเงียบและมัวแต่คิดว่าชีวิตนี้ขาดเขาไม่ได้

หากว่าคุณพบรักครั้งใหม่แล้ว


           
คุณเปรียบเทียบคนรักในอดีตกับคนรักในปัจจุบัน
           
คุณมักจะพูดถึงคนรักเก่าอยู่เสมอ
           
คุณมักทะเลาะกับคนรักที่อยู่ตรงหน้าเพราะเรื่องคนรักในอดีต

            ไม่ว่าคุณจะโสดหรือเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่แล้ว หากคุณกำลังตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ ลองถามตัวเองว่า "ได้อะไรกลับมาบ้าง นอกจากความทุกข์" เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเจ็บปวดกับความรักที่ผ่านมาแค่ไหน มัน จะไม่มีความหมายเลยหากคุณไม่เรียนรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งการทะเลาะ ความไม่เข้าใจ ฯลฯ และก็ไม่มีประโยชน์เลยหากคุณมัวแต่ต้องการให้คนรักใหม่เป็นเหมือนคนรักเก่า หรือเปรียบเทียบเขากับคนรักเก่าของคุณ แต่ความรักความรักที่ผ่านมาจะให้อะไรคุณมากมาย ถ้าคุณเรียนรู้ที่จะ...

           
เรียนรู้ที่จะแก้ไขในข้อเสียหรือข้อบกพร่องของตัวเอง
           
เรียนรู้ที่จะนำสาเหตุของการบอกเลิกหรือถูกบอกเลิก มาพัฒนาความสัมพันธ์ครั้งปัจจุบันให้ดีขึ้น
           
เรียนรู้ที่จะเข้าใจว่าไม่มีใครรู้ใจใครได้ทุกเรื่อง และอย่าคาดหวังว่าคนรักจะเป็นแบบที่คุณต้องการ
           
เรียนรู้ที่จะขอบคุณสิ่งแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต และพร้อมจะเดินหน้าทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

            ความรักที่ผ่านมา...ไม่ว่าจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มหรือน้ำตา มันยังคงเป็นบทเรียนที่ดีให้กับเราได้เสมอ หากเราใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความเข้าใจว่าในทุกความสัมพันธ์มีทั้งดีและร้าย มีช่วงเวลาที่สุขใจและร้องไห้ ต้องเจอกับความสมหวังและผิดหวัง รวมทั้งการพบและการจากลา เพียงแค่ "เปลี่ยน" มุมมองใหม่ แล้วคุณจะพบว่า...ความรักที่ผ่านมาให้บทเรียนกับคุณมากมายจริง ๆ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Tuesday, September 23, 2014

4 อาการของคนหมดรัก เพราะรักแล้วไม่มีความสุข



          คงจะไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า "ความรัก" เป็นเรื่องซับซ้อนไม่น้อย เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสุขแม้จะได้เจอคนที่คิดว่าใช่แล้วก็ตาม หรือคิดว่าหากมีใครสักคนอยู่เคียงข้างก็จะทำให้ความทุกข์หมดไปได้ อีกทั้งแต่ละคนนั้นก็มีเหตุผลในการมีความรักเป็นของตัวเอง เช่น ไม่อยากรู้สึกเหงาอีกต่อไปแล้ว รู้สึกว่าตัวเองดูดีเมื่อมีคนให้ควงแขน หรือเพื่อเงิน เป็นต้น ซึ่งน้อยคนนักที่จะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา และเมื่อความจริงปรากฏความรู้สึกของคุณก็อาจถลำลึกจนยากที่จะถอนตัวแล้วก็ ได้ ดังนั้นหากรู้ตัวก่อนว่าตอนนี้อีกคนไม่มีความสุขกับความรักก็น่าจะดีกว่า เพื่อจะได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ เพราะเมื่อถึงที่ต้องลาจากจะได้เจ็บปวดน้อยที่สุด หรืออาจทำความรักให้มันดีขึ้นตั้งแต่ตอนนี้

1. หงุดหงิดบ่อยกว่าที่เคยเป็น

          ก่อนอื่นควรสังเกตก่อนว่าเขาไปเจอเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจมาหรือไม่ หากไม่สามารถหาคำตอบได้และเห็นว่าเขาหงุดหงิดบ่อยจนผิดปกติ ในขณะเดียวกันสิ่งที่คุณทำก็ดูขัดหูขัดตาเขาไปหมด เริ่มออกไปเที่ยวนอกบ้านบ่อยขึ้น หรือเขาบอกเองว่าไม่รู้ทำไมช่วงนี้รู้สึกหงุดหงิดบ่อย ๆ ถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายมากทีเดียว เพราะมีแนวโน้มว่าเขาไม่มีความสุขกับความรัก แต่ไม่กล้าบอกกับคุณตรง ๆ ซึ่งทางออกของปัญหานี้ ก็คือ พูดคุยกับเขาเพื่อหาสาเหตุว่าสิ่งใดที่ทำให้เขาไม่มีความสุข แทนที่จะให้อภัยและลืมเรื่องที่เกิดขึ้น

2. เขาบ่นเรื่องคุณให้คนรอบข้างฟัง


          ไม่ว่าคุณจะได้ยินเรื่องที่เขารู้สึกไม่พอใจคุณจากเพื่อนของเขา เพื่อนของเพื่อน หรือครอบครัวของเขา และบางครั้งก็อาจเป็นคำบอกเล่าจากครอบครัวของตัวเองหลังจากที่เขาบ่นเรื่องของคุณให้พวกเขาฟัง ต่างก็มีความหมายว่าเขาไม่มีความสุข และไม่สามารถแบ่งปันความรู้สึกดี ๆ กับคุณได้อีกต่อไป อีกทั้งไม่สะดวกใจที่จะคุยกับคุณตรง ๆ เป็นอย่างมาก ก็เลยบอกต้องผ่านคนอื่นอย่างที่กำลังทำอยู่นี้

3. แฮงก์เอาท์บ่อยจนผิดปกติ

          ถ้าเขาเริ่มออกไปแฮงก์เอาท์และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ๆ ไม่ว่าจะดื่มคนเดียวหรือไปกับเพื่อน แสดงว่าในตอนนี้เขากำลังมีปัญหาอย่างแน่นอน โดยปัญหาที่ว่านี้ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า เขาไม่มีความสุขหรือรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับความรักเต็มที ฉะนั้นก่อนที่เขาจะจะเสพติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรรีบหาสาเหตุที่ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปให้เจอเร็วที่สุดดีกว่า

4. เลือกที่จะใช้เวลากับอย่างอื่นมากกว่าคุณ


          หากเขาเลือกออกไปเที่ยวคนเดียวมากกว่าใช้เวลาร่วมกับคุณ ก็อาจหมายความว่าเขาไม่มีความสุขกับความรักเช่นเดียวกัน และสาเหตุก็เป็นเพราะเขารู้สึกอึดอัดที่จะต้องทำตัวเป็นปกติ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด ในขณะเดียวกันหากคุณเป็นฝ่ายออกไปเที่ยวบ้าง เขาก็จะแสดงความไม่พอใจออกมา ก็รู้เอาไว้เลยว่า เขากำลังหาเรื่องทะเลาะเพื่อขอแยกทางกับคุณ เพราะเขาไม่มีความสุขกับความรักอีกต่อไปแล้วนั่นเอง

          เมื่อไรก็ตามที่คุณสังเกตเห็นสัญญาณบางอย่างที่แสดงให้เห็นว่า เขาดูเหมือนคนไม่มีความสุขหรือเปลี่ยนไป ควรพยายามพูดคุยกับเขาก่อน เพราะบางทีมันอาจเป็นสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่คุณ หรือรู้สึกว่าคุณไม่ได้ใส่ใจเขามากพอก็ได้ ในขณะที่บางครั้งก็อาจเป็นไปได้ว่าเขาไม่มีความกล้ามากพอที่จะเป็นฝ่ายเริ่ม พูดก่อนนั่นเอง

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Tuesday, September 16, 2014

วิธีขอคืนดีกับแฟนเก่า ไม่อยากผิดหวังควรทำตามนี้




           สำหรับคนที่อยากจะกลับไปคืนดีกับแฟนเก่า สิ่งแรกที่พวกคุณควรทำความเข้าใจให้ได้ก่อน คือ สาเหตุที่ทำให้เขาจากไป และคุณผลักไสเขาออกไปจากชีวิตอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นการเตือนตัวเองไม่ให้ทำผิดแบบเดิมอีก พร้อมทั้งนำ 10 วิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ด้วย แล้วการขอคืนดีกับแฟนเก่าก็จะง่ายพร้อมทั้งมีโอกาสสมหวังมากขึ้น

1. ติดต่อหากันแบบพอดี

           คนต้องการจะขอคืนดีกับแฟนเก่าเหลายคนคงรู้สึกว่าอยากจะคุยกับเขาให้รู้เรื่อง และคิดว่าการพูดคุยบ่อย ๆ น่าจะทำให้เขายอมรับความรักของคุณมากกว่า ซึ่งการกระทำนี้อาจได้ผลกับบางคน แต่สำหรับบางคนแล้วมันเป็นการกระทำที่สร้างความลำบากใจให้กับเขามากกว่า คงจะดีกว่าหากโทรศัพท์หรือส่งความถึงเขาในระดับที่พอดีไม่มากเกินไปจนกลาย เป็นปัญหา

2. รบกวนคนใกล้ชิดให้น้อยที่สุด

           จริงอยู่ที่ครอบครัวและเพื่อน ๆ เขาอาจช่วยให้พวกคุณกลับมาคืนดีกันได้อีกครั้ง แต่ทว่าการตามติดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเขา มันก็เป็นการกระทำที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก อีกทั้งอาจเป็นการรบกวนพวกเขาด้วย ฉะนั้นในระหว่างที่พวกคุณยังไม่คืนดีกัน ควรจะติดตามข่าวคราวของเขาอยู่ห่าง ๆ ดีกว่า และยุ่งเกี่ยวกับคนรอบตัวเขาให้น้อยที่สุด อย่างน้อยเขาก็จะได้ถามใจตัวเองด้วยว่ายังต้องการคุณอยู่อีกหรือไม่

3. ใช้เสน่ห์ดึงดูดความสนใจ

           หากคุณยังจดจำได้ว่าสิ่งใดในตัวคุณที่ทำให้แฟนเก่าตกหลุมรัก ก็ให้ใช้จุดนี้ดึงดูดความสนใจของเขากลับมาอีกครั้ง แต่ถ้าหากไม่สามารถตอบตัวเองได้ให้ลองถามจากคนรอบข้าง เช่น คนในครอบครัว หรือเพื่อน ๆ ของคุณดู แล้วดึงเสน่ห์ในจุดนั้นออกมาให้เขาเห็น มันก็จะทำให้โอกาสที่คุณจะสมหวังในความรักมีมากขึ้นกว่าเดิม

4. หาต้นเหตุที่ทำให้ความรักมีปัญหาให้เจอ

           บางครั้งคนเราก็ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจมากจนเกินไป ดังนั้นก็อาจทำให้ตัดสินใจพลาดไปบ้าง ในกรณีการขอคืนดีกับแฟนเก่าก็เช่นกัน ที่เขายังไม่ใจอ่อนก็อาจเป็นเพราะเขาเห็นปัญหาบางอย่างที่คุณมองข้ามไป คงจะดีกว่าหากคุณลิสต์ข้อดีและข้อเสียของความสัมพันธ์ออกมา แล้วถามกับตัวเองว่ามีปัญหาใดบ้างที่เป็นสาเหตุทำให้คุณกับเขาต้องเลิกรากัน และคุณจะรับมือกับมันได้หรือไม่หากเขาขอให้คุณเปลี่ยนแปลง

5. ให้เวลาเขาสำหรับการทำใจ

           แม้การเลิกราจะสร้างความเจ็บปวดและยากที่เอาชนะมันได้ง่าย ๆ แต่อย่างไรก็ตามคุณก็ควรจะเข้าใจด้วยว่า มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้ฝังอยู่ความคิดตลอดไป เพราะเวลาจะช่วยทำให้มันค่อย ๆ หายไปเอง อีกทั้งมีหลายคู่รักมากมายที่สามารถกลับมาคืนดีกันได้ในที่สุด ฉะนั้นถึงแม้ตอนนี้เขาจะยังปฏิเสธคุณ แต่ถ้าคุณให้เวลาเขาอีกสักหน่อยเชื่อว่าเขาจะต้องยอมใจอ่อนอย่างแน่นอน

6. ให้พื้นที่ว่างสำหรับการขบคิด

           ถึงแม้ความตั้งใจของคุณ คือ การขอคืนดีกับแฟนเก่า แต่อย่างไรก็ตามควรจะมีพื้นที่ให้กับตัวเอง และเว้นที่ว่างให้เขาได้คิดใคร่ครวญบ้าง โดยไม่ทำตัวติดเขาหรือตามตื้อจนมาเกินไป อีกทั้งหากก่อนหน้านี้พวกคุณเลิกกันแบบไม่ดี การทำเช่นนี้ก็ทำให้เขาตีตัวออกห่างจากคุณมากขึ้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่าโอกาสที่จะสมหวังก็น้อยตามลงไปด้วย

7. แสดงสิ่งที่คุณปรับปรุงให้เขาเห็น

           การปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น หรือตรงกับความต้องการของแฟนเก่า พร้อมทั้งแสดงมันออกมาให้เขาเห็น ไม่ได้ช่วยเพิ่มคุณค่าของตัวเองเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้ทั้งเขาและคุณมีความสุขกับความรักในระยะยาวด้วย แต่อย่างไรก็ตามการปรับปรุงตัวเองนั้นควรจะดูความเหมาะสมด้วยและคงจะดีกว่า หากปรับข้อเสียให้เป็นข้อดี ในขณะที่ยังคงความเป็นตัวเองเอาไว้ได้

          การจะทำอะไรสักอย่างควรจะต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน เพราะ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก และการขอคืนดีกับแฟนเก่าก็เช่นเดียวกัน คงจะดีกว่าหากคุณคิดไตร่ตรองถึงสิ่งที่เป็นปัญหา และวางแผนเอาไว้อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งนำวิธีที่นำมาฝากกันในวันนี้ไปปรับใช้ด้วย

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต